บทนำ: ทำความเข้าใจ “เทรดออฟชั่น” โอกาสและความท้าทายในตลาดไทย
การลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นมีตัวเลือกหลากหลายเกินกว่าการซื้อขายหุ้นทั่วไป การเทรดออฟชั่นหรือการซื้อขายสัญญาออปชั่นกลายเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่อยากเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน หรือนำมาใช้จัดการความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน แม้จะเปิดโอกาสทำกำไรสูง แต่การเทรดแบบนี้ก็มาพร้อมความท้าทายและความเสี่ยงที่เข้มข้นกว่าปกติ บทความนี้จะเป็นแนวทางครบครันที่ช่วยให้คุณเข้าใจการเทรดออฟชั่นในตลาดไทย ตั้งแต่หลักพื้นฐานไปจนถึงกลยุทธ์ปฏิบัติจริง การเลือกโบรกเกอร์ และเคล็ดลับที่ควรระวัง เพื่อให้คุณก้าวแรกบนเส้นทางนี้ได้อย่างมั่นคงและมีข้อมูลครบถ้วน

ออฟชั่นคืออะไร? พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเริ่มต้นเทรด
ก่อนจะดำดิ่งสู่โลกของการเทรดออฟชั่น สิ่งแรกที่ขาดไม่ได้คือการทำความเข้าใจรากฐานและคำศัพท์สำคัญ เพื่อให้คุณเรียนรู้และนำไปประยุกต์ได้อย่างคล่องแคล่ว

คำจำกัดความของออฟชั่น: สัญญาการซื้อขายสิทธิ
ออฟชั่นคือสัญญาทางการเงินที่มอบ “สิทธิ” ให้กับผู้ถือหรือผู้ซื้อในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่ตกลงไว้หรือราคาใช้สิทธิ ภายในกรอบเวลาหรือจนถึงวันหมดอายุที่กำหนด โดยผู้ถือสิทธิไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจนั้นก็ได้ ในขณะที่ผู้ขายหรือผู้เขียนสัญญาต้องปฏิบัติตามหากผู้ซื้อตัดสินใจใช้สิทธิ ค่าของสัญญานี้เรียกว่าพรีเมียม ซึ่งเป็นการชำระเงินที่ผู้ซื้อจ่ายให้ผู้ขายเพื่อแลกกับสิทธิ์ดังกล่าว
Call Option และ Put Option: สองประเภทหลักที่ควรรู้
ออฟชั่นแบ่งเป็นสองประเภทหลักคือ Call Option และ Put Option ซึ่งแต่ละแบบมีจุดประสงค์และวิธีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
- Call Option (สิทธิในการซื้อ): สัญญานี้ให้สิทธิผู้ซื้อในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงจากผู้ขายในราคาใช้สิทธิที่กำหนดไว้เมื่อถึงวันหมดอายุ ผู้ซื้อ Call Option มักคาดหวังว่าราคาสินทรัพย์จะพุ่งสูงขึ้น หากราคาเกินราคาใช้สิทธิ ผู้ซื้อก็จะได้กำไร ในทางตรงกันข้าม ผู้ขาย Call Option เชื่อว่าราคาจะไม่ขึ้นหรืออาจลง
- Put Option (สิทธิในการขาย): สัญญานี้ให้สิทธิผู้ซื้อในการขายสินทรัพย์อ้างอิงให้ผู้ขายในราคาใช้สิทธิที่กำหนดเมื่อถึงวันหมดอายุ ผู้ซื้อ Put Option คาดว่าราคาจะตกต่ำลง หากราคาต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ ผู้ซื้อก็จะมีกำไร ผู้ขาย Put Option กลับเชื่อว่าราคาจะไม่ลงหรืออาจขึ้น
ศัพท์สำคัญในการเทรดออฟชั่นที่มือใหม่ต้องรู้จัก
การคุ้นเคยกับคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้คุณเทรดออฟชั่นได้อย่างมั่นใจมากขึ้น:
- ราคาใช้สิทธิ: ราคาที่ผู้ซื้อออฟชั่นสามารถใช้อ้างอิงเพื่อซื้อหรือขายสินทรัพย์ตามสัญญา
- วันหมดอายุ: วันที่สิ้นสุดซึ่งผู้ถือออฟชั่นสามารถใชสิทธิได้ หลังจากนั้นสัญญาจะหมดอายุ
- พรีเมียม: ราคาที่ผู้ซื้อจ่ายให้ผู้ขายเพื่อแลกกับสิทธิ์ในสัญญา คล้ายกับค่าซื้อขายของออฟชั่น
- สินค้าอ้างอิง: สินทรัพย์ที่สัญญาออฟชั่นอิงอยู่ เช่น หุ้นรายตัว ดัชนีหลักทรัพย์อย่าง SET50 Index หรือสินค้าโภคภัณฑ์
- ขนาดสัญญา: ปริมาณสินทรัพย์อ้างอิงที่สัญญาหนึ่งควบคุม เช่น สำหรับ SET50 Index Options 1 สัญญาอาจเท่ากับดัชนี SET50 คูณด้วยตัวคูณ 200 บาท
- สไตล์ออฟชั่น: แบ่งเป็น American Style ที่ใชสิทธิได้ตลอดก่อนหมดอายุ และ European Style ที่ใชสิทธิได้เฉพาะวันหมดอายุ ออฟชั่นใน TFEX ส่วนใหญ่เป็น European Style
กลไกการเทรดออฟชั่น: ซื้อ-ขายอย่างไรให้ได้เปรียบ
การเข้าใจวิธีเปิดสถานะซื้อหรือ Long และขายหรือ Short รวมถึงปัจจัยที่กำหนดราคาพรีเมียม จะช่วยให้คุณวางกลยุทธ์การเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเปิดสถานะ Long (ซื้อ) Call/Put Option
เมื่อนักลงทุนเลือกซื้อ Call Option หรือ Put Option นั่นคือการเปิดสถานะ Long เพื่อหวังกำไรจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิง
- Long Call Option: ผู้ซื้อคาดว่าราคาสินทรัพย์จะทะยานสูงเกินราคาใช้สิทธิอย่างเห็นได้ชัดก่อนหมดอายุ ความเสี่ยงสูงสุดจำกัดที่พรีเมียมที่จ่าย แต่กำไรอาจไม่มีขีดจำกัดถ้าราคาพุ่งแรง
- Long Put Option: ผู้ซื้อคาดว่าราคาจะร่วงต่ำกว่าราคาใช้สิทธิอย่างมีนัยสำคัญก่อนหมดอายุ เสี่ยงสูงสุดคือพรีเมียมที่จ่าย แต่กำไรสูงหากราคาตกหนัก
ตัวอย่าง: สมมติคุณซื้อ Long Call SET50 Index Options ที่ราคาใช้สิทธิ 900 จุด จ่ายพรีเมียม 10 บาทต่อจุด (ขนาดสัญญา 200 บาทต่อจุด) รวมทุน 2,000 บาท ถ้า SET50 Index ขึ้นไป 950 จุด คุณจะได้กำไร แต่ถ้าราคาอยู่ต่ำกว่า 900 จุดบวกพรีเมียม คุณขาดทุนสูงสุดแค่ 2,000 บาท
การเปิดสถานะ Short (ขาย) Call/Put Option
การขาย Call Option หรือ Put Option คือสถานะ Short เพื่อรับพรีเมียมเป็นผลตอบแทน แต่ต้องเผชิญความเสี่ยงที่สูงกว่า
- Short Call Option: ผู้ขายคาดว่าราคาจะไม่ขึ้นหรืออาจลง ได้รับพรีเมียมทันที กำไรสูงสุดคือพรีเมียม แต่เสี่ยงขาดทุนไม่จำกัดถ้าราคาพุ่งสูง ต้องวางหลักประกันเพื่อรับมือ
- Short Put Option: ผู้ขายคาดว่าราคาจะไม่ลงหรืออาจขึ้น ได้รับพรีเมียม กำไรสูงสุดคือพรีเมียม แต่เสี่ยงขาดทุนไม่จำกัดถ้าราคาร่วงหนัก ต้องวางหลักประกันเช่นกัน
ตารางเปรียบเทียบสถานะ Long และ Short Option
คุณสมบัติ | Long Call Option | Short Call Option | Long Put Option | Short Put Option |
---|---|---|---|---|
มุมมองตลาด | คาดการณ์ราคาขึ้น | คาดการณ์ราคาไม่ขึ้น/ลง | คาดการณ์ราคาลง | คาดการณ์ราคาไม่ลง/ขึ้น |
สิทธิ/ภาระผูกพัน | มีสิทธิซื้อ | มีภาระผูกพันต้องขาย | มีสิทธิขาย | มีภาระผูกพันต้องซื้อ |
กำไรสูงสุด | ไม่จำกัด | จำกัด (เท่ากับพรีเมียมที่ได้รับ) | ไม่จำกัด (ถึง 0) | จำกัด (เท่ากับพรีเมียมที่ได้รับ) |
ขาดทุนสูงสุด | จำกัด (เท่ากับพรีเมียมที่จ่าย) | ไม่จำกัด | จำกัด (เท่ากับพรีเมียมที่จ่าย) | ไม่จำกัด (ถึง 0) |
การวางหลักประกัน | ไม่ต้องวาง | ต้องวาง | ไม่ต้องวาง | ต้องวาง |
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาพรีเมียมของออฟชั่น
ราคาพรีเมียมของออฟชั่นเปลี่ยนแปลงตลอดตามอิทธิพลจากหลายปัจจัย ทำให้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด:
- ราคาของสินค้าอ้างอิง: สำหรับ Call Option พรีเมียมจะเพิ่มขึ้นเมื่อราคาสินทรัพย์ขึ้น ส่วน Put Option จะเพิ่มเมื่อราคาลง
- ราคาใช้สิทธิ: Call Option ที่ราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาปัจจุบันมักมีพรีเมียมสูงกว่า ส่วน Put Option ที่สูงกว่าราคาปัจจุบันก็เช่นกัน
- วันหมดอายุ: ยิ่งเวลาหมดอายุไกล พรีเมียมยิ่งสูงเพราะมีโอกาสให้ราคาเคลื่อนไหวมากกว่า
- ความผันผวน: ตลาดผันผวนสูงทำให้พรีเมียมทั้ง Call และ Put สูงขึ้น เนื่องจากโอกาสราคาแกว่งแรงมากกว่า
- อัตราดอกเบี้ย: ดอกเบี้ยสูงขึ้นมักเพิ่มพรีเมียม Call และลด Put
- เงินปันผล: การจ่ายปันผลทำให้ราคาหุ้นลดลง ส่งผลลดพรีเมียม Call และเพิ่ม Put
เทรดออฟชั่นในประเทศไทย: เจาะลึก TFEX และโบรกเกอร์ไทย
สำหรับนักลงทุนในไทย การเทรดออฟชั่นเกิดขึ้นในตลาดที่ได้รับการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อความมั่นใจและโปร่งใส
TFEX คืออะไร? แหล่งเทรดออฟชั่นหลักของไทย
ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแห่งประเทศไทยหรือ TFEX คือศูนย์กลางหลักสำหรับการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าและออฟชั่นในไทย อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. และเป็นส่วนหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET
สินค้าอ้างอิงยอดนิยมใน TFEX คือ SET50 Index Options ซึ่งอิงจากดัชนี SET50 ที่รวมหุ้น 50 ตัวมูลค่าสูงและสภาพคล่องดี นอกจากนี้ยังมี Single Stock Options สำหรับหุ้นรายตัวหรือ Gold Online Options สำหรับทองคำ แต่ SET50 Index Options ยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับเก็งกำไรและบริหารความเสี่ยง ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SET50 Index Options บน TFEX
การเลือกโบรกเกอร์เทรดออฟชั่นในไทย: Checklist ฉบับมืออาชีพ
การเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่คือก้าวสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ ควรตรวจสอบปัจจัยเหล่านี้ให้ละเอียด:
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: เปรียบเทียบค่าคอมมิชชั่นต่อสัญญาและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่อาจซ่อนอยู่
- แพลตฟอร์มการซื้อขาย: ต้องเสถียร ใช้งานสะดวก มีเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิค และส่งคำสั่งเร็ว ลองใช้บัญชีทดลองก่อน
- ระบบหลักประกัน: เข้าใจนโยบายมาร์จิ้น การเรียกเพิ่ม และการปิดสถานะอัตโนมัติ
- การบริการลูกค้า: มีทีมสนับสนุนที่ตอบสนองรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงตลาดเปิด
- บทวิเคราะห์และเครื่องมือ: มีรายงานตลาดออฟชั่นและเครื่องมือคำนวณกำไรขาดทุน
- ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ: เลือกที่ได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. ตัวอย่างเช่น Phillip Securities (ประเทศไทย), Bualuang Securities, KGI Securities, DBS Vickers Securities (Thailand) และ Globlex Securities ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจาก ก.ล.ต.
- ขั้นตอนการเปิดบัญชี: ดูว่าสะดวกและรวดเร็วแค่ไหน
ขั้นตอนการเปิดบัญชีและเริ่มต้นเทรดออฟชั่นในไทย (จับมือทำ)
สำหรับผู้เริ่มต้นในไทย ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณเริ่มได้อย่างเป็นระบบ:
- เลือกโบรกเกอร์: ใช้ checklist เพื่อหาเจ้าที่เหมาะสม
- เตรียมเอกสาร: คล้ายเปิดบัญชีหุ้น เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารรายได้
- กรอกใบสมัครและส่งเอกสาร: ทำออนไลน์หรือติดต่อเจ้าหน้าที่
- ยืนยันตัวตน: โบรกเกอร์จะตรวจสอบตามกฎ ก.ล.ต. อาจขอเอกสารเพิ่มหรือไปยืนยันที่สาขา
- อนุมัติบัญชี: ได้รับเลขบัญชีสำหรับซื้อขายล่วงหน้า
- ฝากเงินเข้าบัญชีหลักประกัน: โอนตามที่โบรกเกอร์กำหนดสำหรับทุนเทรด
- ดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมเทรด: เช่น Streaming for TFEX พร้อมคู่มือ
- เริ่มต้นเทรด: ล็อกอินด้วยข้อมูลที่ได้ เรียนรู้ฟังก์ชัน แล้วส่งคำสั่ง
คำแนะนำเพิ่มเติม: ใช้บัญชีจำลองเพื่อฝึกก่อนเทรดจริง จะช่วยให้คุ้นเคยกับระบบ
กลยุทธ์เทรดออฟชั่นเบื้องต้น: เพิ่มโอกาสทำกำไร ลดความเสี่ยง
การเทรดออฟชั่นไม่ใช่แค่ซื้อ Call หรือ Put ธรรมดา แต่มีกลยุทธ์ขั้นสูงที่ช่วยปรับให้เข้ากับมุมมองตลาดและระดับเสี่ยงที่ยอมรับ
กลยุทธ์ Long Call / Long Put: ง่ายที่สุดสำหรับมือใหม่
Long Call และ Long Put เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นเพราะเสี่ยงจำกัดแค่พรีเมียมที่จ่าย
- Long Call: ใช้เมื่อคาดว่าราคาจะขึ้นแรง
- Long Put: ใช้เมื่อคาดว่าราคาจะลงแรง
ข้อดีคือไม่ต้องกังวลขาดทุนไม่จำกัด แต่จะทำกำไรดีต้องมีราคาเคลื่อนไหวรุนแรงในทิศที่ถูก
กลยุทธ์ Covered Call: สร้างรายได้จากหุ้นที่มีอยู่
Covered Call เหมาะสำหรับผู้ถือหุ้นอยู่แล้วที่อยากสร้างรายได้พิเศษหรือลดต้นทุนถือครอง
- หลักการ: ขาย Call Option บนหุ้นที่ถือ เช่น ถือหุ้น A 1,000 หุ้น ขาย Call 10 สัญญา (1 สัญญา=100 หุ้น) เลือกราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาตลาดนิดหน่อยและหมดอายุใกล้ๆ
- วัตถุประสงค์: รับพรีเมียมเป็นรายได้เสริม
- สถานการณ์ที่เหมาะสม: เมื่อคาดว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนในกรอบแคบหรือไม่ขึ้นแรง
- ความเสี่ยง: ถ้าราคาพุ่งเกินราคาใช้สิทธิ อาจต้องขายหุ้นในราคานั้น พลาดกำไรส่วนที่เหลือ
การบริหารความเสี่ยงในการเทรดออฟชั่น: สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ด้วยความเสี่ยงสูง การจัดการจึงเป็นกุญแจสู่ความยั่งยืน
- กำหนดจุดตัดขาดทุน: ตั้ง Stop Loss ชัดเจนเพื่อจำกัดขาดทุน
- อย่าลงทุนมากเกินไป: แบ่งเงินตามระดับเสี่ยงที่รับได้
- กระจายความเสี่ยง: อย่าติดสินค้าหรือกลยุทธ์เดียว กระจายเพื่อลดความเสี่ยงรวม
- ทำความเข้าใจความเสี่ยงสูงสุด: คำนวณขาดทุนที่อาจเกิดก่อนเปิดสถานะ
- การจัดการหลักประกัน: สำคัญสำหรับ Short Option เพื่อหลีกเลี่ยง Margin Call
ข้อควรระวังและกับดักที่มือใหม่เทรดออฟชั่นในไทยมักเจอ
แม้จะน่าตื่นเต้นด้วยกำไรสูง แต่กับดักเหล่านี้คือสิ่งที่มือใหม่ต้องหลีกเลี่ยง
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Leverage และความเสี่ยง
ออฟชั่นมีลักษณะ Leverage ที่ใช้ทุนน้อยควบคุมสินค้ามูลค่าสูง ขยายกำไรได้ แต่ก็ขยายขาดทุนเช่นกัน มือใหม่มักคิดว่าทุนน้อย=เสี่ยงน้อย แต่จริงๆ แล้ว Leverage สูงหมายถึงผลตอบแทนผันผวนรุนแรง โดยเฉพาะ Short Option ที่เสี่ยงขาดทุนไม่จำกัดถ้าตลาดผิดทาง
ผลกระทบของ Time Decay (ค่าเสื่อมเวลา) ต่อออฟชั่น
Time Decay หรือ Theta คือการที่พรีเมียมลดลงตามเวลาเพราะโอกาสราคาเคลื่อนไหวน้อยลง ส่งผลดังนี้:
- สำหรับผู้ซื้อ (Long Option): เป็นจุดอ่อน ถ้าราคาไม่เคลื่อน พรีเมียมจะหายไปทีละน้อยแม้ราคาไม่เปลี่ยน
- สำหรับผู้ขาย (Short Option): เป็นจุดแข็ง พรีเมียมลดลงช่วยให้กำไรถ้าราคาไม่แกว่งมาก
มือใหม่ควรพิจารณา Time Decay เมื่อเลือกวันหมดอายุ เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ
สัญญาณเตือนของโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือในไทย
แม้ TFEX อยู่ภายใต้ ก.ล.ต. แต่ยังมีมิจฉาชีพแฝงตัว ระวังสัญญาณเหล่านี้:
- ผลตอบแทนสูงเกินจริง: สัญญากำไรสูงไร้เสี่ยง
- เร่งรัดให้ลงทุน: กดดันตัดสินใจเร็วโดยไม่ให้เวลาศึกษา
- ไม่ได้รับการกำกับดูแล: ไม่มีใบอนุญาตจาก ก.ล.ต.
- การโอนเงินไปบัญชีบุคคล: ไม่ใช่บัญชีบริษัท
- การถอนเงินยาก: มีข้อแก้ตัวมากมาย
ตรวจสอบเสมอที่ เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อความปลอดภัย
สรุป: เส้นทางสู่การเป็นนักเทรดออฟชั่นมืออาชีพในไทย
การเทรดออฟชั่นใน TFEX นำโอกาสตื่นเต้นมาสู่ตลาดไทย ด้วย Leverage ที่เพิ่มผลตอบแทน แต่ต้องจัดการเสี่ยงอย่างรอบคอบ การเริ่มต้นด้วยพื้นฐานอย่าง Call Option Put Option ราคาใช้สิทธิ วันหมดอายุ และพรีเมียม คือฐานที่มั่นคง
เลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และเหมาะกับสไตล์คุณ นำกลยุทธ์พื้นฐานมาปรับใช้ และยึดมั่นการบริหารเสี่ยง จะช่วยปกป้องทุนและเพิ่มโอกาสกำไรยาวนาน
การเป็นเทรดเดอร์ออฟชั่นมือโปรในไทยไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่ต้องเรียนรู้ต่อเนื่อง ฝึกปฏิบัติ จัดการอารมณ์ท่ามกลางตลาดผันผวน ด้วยความเข้าใจลึก วางแผนดี และวินัย คุณจะประสบความสำเร็จได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรดออฟชั่น (FAQ)
เทรดออฟชั่นคืออะไร และแตกต่างจากการซื้อขายหุ้นทั่วไปอย่างไร?
เทรดออฟชั่นคือการซื้อขายสัญญาที่ให้ “สิทธิ” ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาและเวลาที่กำหนด แตกต่างจากการซื้อขายหุ้นตรงที่เมื่อซื้อหุ้น คุณได้เป็นเจ้าของหุ้นนั้นๆ แต่เมื่อซื้อออฟชั่น คุณได้เพียง “สิทธิ” ซึ่งมีวันหมดอายุ และมูลค่าของออฟชั่นจะขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ไม่ใช่การเป็นเจ้าของโดยตรง ทำให้มีลักษณะของ Leverage และความเสี่ยงที่สูงกว่า
มือใหม่ควรเริ่มต้นเทรดออฟชั่นในประเทศไทยอย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง?
มือใหม่ควรเริ่มต้นจากการศึกษาพื้นฐานให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ จากนั้นเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และเปิดบัญชีซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับโบรกเกอร์นั้นๆ หลังจากฝากเงินหลักประกันแล้ว ให้ทดลองใช้บัญชีจำลอง (Demo Account) เพื่อฝึกฝนก่อนเริ่มเทรดจริง
การเทรด Call Option และ Put Option มีความหมายและใช้งานต่างกันอย่างไร?
- **Call Option (สิทธิซื้อ):** ผู้ซื้อ Call Option คาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะขึ้น ใช้เพื่อเก็งกำไรขาขึ้น หรือใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) หากคุณต้องการซื้อสินทรัพย์นั้นในอนาคตในราคาที่แน่นอน
- **Put Option (สิทธิขาย):** ผู้ซื้อ Put Option คาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะลง ใช้เพื่อเก็งกำไรขาลง หรือใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงให้กับพอร์ตหุ้นที่คุณถืออยู่
โบรกเกอร์ไทยเจ้าไหนดีสำหรับการเทรดออฟชั่น มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร?
โบรกเกอร์ที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ควรพิจารณาจากค่าธรรมเนียม แพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานง่าย ระบบหลักประกัน การบริการลูกค้า และบทวิเคราะห์ ตัวอย่างโบรกเกอร์ที่ได้รับความนิยมในไทย เช่น Phillip Securities, Bualuang Securities, KGI Securities เป็นต้น คุณควรเปรียบเทียบข้อมูลเหล่านี้และอาจทดลองใช้บัญชีจำลองก่อนตัดสินใจ
ความเสี่ยงสูงสุดและผลตอบแทนจากการเทรดออฟชั่นคืออะไร และจะบริหารความเสี่ยงได้อย่างไร?
สำหรับผู้ซื้อออฟชั่น (Long Call/Put) ความเสี่ยงสูงสุดคือพรีเมียมที่จ่ายไป ส่วนผลตอบแทนสูงสุดมีโอกาสไม่จำกัด (ยกเว้น Long Put ที่จำกัดถึงศูนย์) สำหรับผู้ขายออฟชั่น (Short Call/Put) ผลตอบแทนสูงสุดคือพรีเมียมที่ได้รับ แต่ความเสี่ยงสูงสุดมีโอกาสไม่จำกัด (ยกเว้น Short Put ที่จำกัดถึงศูนย์)
การบริหารความเสี่ยงทำได้โดย: กำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss), ไม่ลงทุนเกินตัว, กระจายความเสี่ยง, และทำความเข้าใจกลไกการเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) เสมอ
TFEX มีสินค้าออฟชั่นอะไรให้เทรดบ้าง และต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่?
TFEX มีสินค้าออฟชั่นหลักคือ **SET50 Index Options** ซึ่งอ้างอิงกับดัชนี SET50 นอกจากนี้ยังมี Single Stock Options และ Gold Online Options เงินลงทุนเริ่มต้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของออฟชั่น ราคาพรีเมียม และนโยบายหลักประกันของโบรกเกอร์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการซื้อออฟชั่นจะใช้เงินน้อยกว่าการซื้อหุ้น แต่การขายออฟชั่นต้องใช้เงินหลักประกันที่สูงกว่า
“ค่าเสื่อมเวลา” (Time Decay) มีผลต่อการเทรดออฟชั่นอย่างไร และควรจัดการอย่างไร?
ค่าเสื่อมเวลา (Time Decay หรือ Theta) หมายถึงมูลค่าของพรีเมียมออฟชั่นที่ลดลงทุกวันเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ซื้อออฟชั่นจะเสียเปรียบจาก Time Decay เพราะมูลค่าของออฟชั่นจะลดลงเรื่อยๆ แม้ราคาสินทรัพย์อ้างอิงไม่เปลี่ยน ส่วนผู้ขายออฟชั่นจะได้เปรียบจาก Time Decay
การจัดการคือ: ผู้ซื้อควรเลือกออฟชั่นที่มีวันหมดอายุที่นานพอสมควร หรือคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็ว ส่วนผู้ขายอาจได้ประโยชน์จากการเลือกออฟชั่นที่มีวันหมดอายุไม่นานนัก
มีกลยุทธ์เทรดออฟชั่นพื้นฐานอะไรบ้างที่เหมาะกับนักลงทุนไทยมือใหม่?
สำหรับมือใหม่ กลยุทธ์ที่ง่ายที่สุดและมีความเสี่ยงจำกัดคือ:
- **Long Call:** ซื้อ Call Option เมื่อคาดว่าราคาจะขึ้นแรง
- **Long Put:** ซื้อ Put Option เมื่อคาดว่าราคาจะลงแรง
นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ **Covered Call** ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ถือหุ้นอยู่แล้วและต้องการสร้างรายได้เพิ่มเติม
หากไม่มีความรู้เรื่องหุ้นมาก่อน สามารถเทรดออฟชั่นได้ไหม?
การเทรดออฟชั่นโดยไม่มีความรู้เรื่องหุ้นมาก่อนเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เนื่องจากออฟชั่นมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นมาก ควรเริ่มจากการศึกษาพื้นฐานของตลาดหุ้น แนวคิดการลงทุน และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคก่อน จากนั้นจึงค่อยศึกษาเรื่องออฟชั่นอย่างจริงจัง
การซื้อขายออฟชั่นในไทย มีค่าธรรมเนียมและภาษีที่ต้องพิจารณาอะไรบ้าง?
ค่าธรรมเนียมหลักคือค่าคอมมิชชั่นที่จ่ายให้กับโบรกเกอร์ ซึ่งจะคิดเป็นอัตราต่อสัญญา นอกจากนี้อาจมีค่าธรรมเนียมการชำระราคาและส่งมอบ และค่าธรรมเนียมการใช้ตลาดจาก TFEX
ส่วนเรื่องภาษี สำหรับกำไรจากการเทรด SET50 Index Options นั้น **ได้รับการยกเว้นภาษี** หากเป็นบุคคลธรรมดา (เช่นเดียวกับกำไรจากสัญญา Futures) แต่สำหรับ Single Stock Options อาจมีข้อพิจารณาภาษีที่แตกต่างกัน ควรปรึกษาโบรกเกอร์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี