ราคาโลหะเงิน: โอกาสในการลงทุนที่น่าจับตาในปี 2567

Table of Contents

บทนำ: ทำไมโลหะเงินถึงน่าจับตาในปี 2567?

ในช่วงเวลาที่ราคาทองคำพุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง คุณในฐานะนักลงทุนอาจกำลังมองหาโอกาสในตลาดโลหะมีค่าอื่นๆ ที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง และหนึ่งในนั้นคือ โลหะเงิน หรือ Silver (XAGUSD) ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในแวดวงการเงิน โดยเฉพาะในปี 2567 นี้

เหรียญเงินเปล่งประกายใต้แสงแดด

เราจะพาคุณไปสำรวจปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อราคา โลหะเงิน ตั้งแต่มุมมองระดับมหภาค นโยบายการเงิน ไปจนถึงอุปสงค์จากภาคอุตสาหกรรมและบทบาทที่น่าสนใจของนักลงทุนรายย่อย เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมและประกอบการตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบด้านมากขึ้น

  • โลหะเงิน มีประวัติการลงทุนที่น่าสนใจ
  • ราคาจะมีการเคลื่อนไหวตามกระแสของเศรษฐกิจโลก
  • มีการใช้งานในเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างกว้างขวาง

เสียงจากสถาบันชั้นนำ: การคาดการณ์ “ปีแห่งโลหะเงิน” และระดับสูงสุดรอบทศวรรษ

ข้อมูลจาก สถาบันโลหะเงิน (Silver Institute) หนึ่งในแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดเกี่ยวกับตลาด โลหะเงิน ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับนักลงทุน โดยคาดการณ์ว่าปี 2567 อาจเป็น “ปีแห่งโลหะเงิน” และราคาอาจพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีได้

นักลงทุนกำลังวิเคราะห์แนวโน้มของโลหะเงิน

การคาดการณ์ที่เป็นบวกนี้ไม่ได้มาจากศูนย์ แต่มีพื้นฐานมาจากข้อมูลอุปสงค์และอุปทานที่แข็งแกร่ง รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวย ซึ่งเราจะเจาะลึกในรายละเอียดเหล่านี้ต่อไป

นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินหลายแห่ง เช่น Macquarie ก็เห็นด้วยกับมุมมองเชิงบวกนี้ โดยมองว่า โลหะเงิน มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นกว่า ทองคำ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ปัจจัยสนับสนุนต่างๆ น่าจะแสดงผลอย่างชัดเจนมากขึ้น

โลหะเงินกับการเคลื่อนไหวที่มักตามหลังทองคำ แต่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เป็นที่ทราบกันดีว่าราคา โลหะเงิน มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับ ทองคำ แต่บ่อยครั้งจะมีการตอบสนองที่ช้ากว่า และมี ความผันผวน ที่สูงกว่า (หรือมี Beta ที่สูงกว่า) ทองคำ นั่นหมายความว่าเมื่อ ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้น ราคาโลหะเงิน มักจะตามมาทีหลัง แต่ด้วยสัดส่วนที่มากกว่า ในทางกลับกัน เมื่อ ราคาทองคำ ร่วงลง ราคาโลหะเงิน ก็มีแนวโน้มที่จะร่วงลงมากกว่าเช่นกัน

กราฟแสดงราคาทองคำที่กำลังปรับตัวขึ้น

ความสัมพันธ์นี้ทำให้นักลงทุนบางส่วนใช้ อัตราส่วนทองคำต่อเงิน (Gold-Silver Ratio) เป็นเครื่องมือในการประเมินว่าสินทรัพย์ใดมีมูลค่าที่น่าสนใจกว่าในขณะนั้น ซึ่งเราจะกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดในหัวข้อถัดไป

ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค: บทบาทสำคัญของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อราคาโลหะมีค่า

หนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักของราคา โลหะมีค่า ในช่วงที่ผ่านมาคือการคาดการณ์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) การที่ตลาดคาดหวังว่า เฟด จะเริ่มปรับลด อัตราดอกเบี้ย ในปี 2567 เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ ราคาทองคำ และ ราคาโลหะเงิน ทะยานขึ้น

เหตุผลคือ โลหะมีค่า เช่น ทองคำ และ โลหะเงิน เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย เมื่อ อัตราดอกเบี้ย ที่เสนอโดยสินทรัพย์อื่นๆ เช่น พันธบัตรลดลง ต้นทุนในการถือครอง โลหะมีค่า ที่ไม่ให้ผลตอบแทนเหล่านี้ก็จะลดลง ทำให้ โลหะมีค่า มีความน่าสนใจมากขึ้นในสายตาของนักลงทุน

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ จาก สหรัฐฯ เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อ ข้อมูลการจ้างงาน (เช่น ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร หรือ Non-Farm Payrolls) และคำแถลงของประธาน เฟด อย่าง เจอโรม พาวเวลล์ ล้วนมีผลต่อการปรับมุมมองของตลาดต่อทิศทาง อัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคา โลหะเงิน และ ทองคำ

อุปสงค์จากภาคอุตสาหกรรม: แรงขับเคลื่อนเงียบๆ ที่เป็นรากฐานสำคัญของราคาโลหะเงิน

สิ่งที่ทำให้ โลหะเงิน แตกต่างจาก ทองคำ อย่างชัดเจนคือสัดส่วนการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของ อุปสงค์ ทั่วโลก โลหะเงิน ไม่ได้เป็นเพียง สินทรัพย์ปลอดภัย หรือใช้ทำเครื่องประดับเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง

การใช้โลหะเงินในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ภาคส่วนที่มี อุปสงค์ ต่อ โลหะเงิน สูงได้แก่:

  • การผลิตแผงโซลาร์เซลล์: โลหะเงิน เป็นวัสดุนำไฟฟ้าหลักในเซลล์แสงอาทิตย์ และด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของพลังงานหมุนเวียน ความต้องการ โลหะเงิน จากภาคส่วนนี้จึงสูงขึ้นมาก
  • อุตสาหกรรมยานยนต์: โลหะเงิน ถูกใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ของรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ซับซ้อนมากขึ้น
  • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: โลหะเงิน ใช้ในวงจรพิมพ์ (PCBs) สวิตช์ และขั้วต่อในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชนิด ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงเครื่องใช้ในบ้าน
  • เครื่องประดับและเครื่องใช้ในครัวเรือน: ยังคงเป็นส่วนสำคัญของ อุปสงค์ แม้จะมีสัดส่วนน้อยกว่าภาคอุตสาหกรรม

สถาบันโลหะเงิน คาดการณ์ว่า อุปสงค์โลหะเงิน ในตลาดโลกปี 2567 จะสูงถึง 1.2 พันล้านออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ลำดับที่สอง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานจากภาคอุตสาหกรรมที่ช่วยรองรับราคาไม่ให้ร่วงลงรุนแรง แม้จะมีปัจจัยกดดันอื่นๆ

พลังของนักลงทุนรายย่อย: ปรากฏการณ์ “Silver Squeeze” และความผันผวน

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราได้เห็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเมื่อกลุ่ม นักลงทุนรายย่อย ใน วอลล์สตรีท ได้เล็งเป้าหมายมาที่ตลาด โลหะเงิน โดยมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันราคาให้สูงขึ้น คล้ายกับกลยุทธ์ที่เคยใช้กับหุ้น GameStop หรือ AMC ซึ่งนำไปสู่การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของราคา โลหะเงิน สปอตกว่า 11% แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีในขณะนั้น

แม้ว่าแรงซื้อจาก นักลงทุนรายย่อย อาจไม่ใช่ปัจจัยระยะยาวที่กำหนดราคาได้ทั้งหมด แต่กิจกรรมเหล่านี้ก็สร้าง ความผันผวน ในตลาดและแสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อ โลหะเงิน ในฐานะสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเก็งกำไร

CFTC กำลังจับตา: การกำกับดูแลในตลาดที่ผันผวน

จากกิจกรรมของ นักลงทุนรายย่อย และ ความผันผวน ที่เพิ่มขึ้นในตลาด โลหะเงิน คณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของ สหรัฐฯ ได้ออกมาระบุว่ากำลังจับตาความเคลื่อนไหวในตลาดนี้อย่างใกล้ชิด

การที่ CFTC เข้ามาดูแลเป็นการส่งสัญญาณว่าหน่วยงานกำกับดูแลกำลังให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของ ตลาดโลหะมีค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบว่า ความผันผวน จากตลาดหุ้นเริ่มลุกลามมาถึง ตลาดโลหะเงิน ซึ่งอาจนำไปสู่มาตรการบางอย่างเพื่อควบคุมการซื้อขายหากจำเป็น

สำหรับนักลงทุน นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรับทราบถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นและผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือเงื่อนไขการซื้อขายในอนาคต

อัตราส่วนทองคำต่อเงิน (Gold-Silver Ratio): ดัชนีชี้วัดที่น่าสนใจ

อัตราส่วนทองคำต่อเงิน คือจำนวนออนซ์ของ โลหะเงิน ที่ต้องใช้ในการซื้อ ทองคำ หนึ่งออนซ์ อัตราส่วนนี้ให้มุมมองทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับมูลค่าสัมพัทธ์ของ โลหะเงิน เมื่อเทียบกับ ทองคำ

โดยทั่วไปแล้ว เมื่อ อัตราส่วนทองคำต่อเงิน สูง (เช่น สูงกว่า 80 หรือ 100) อาจบ่งชี้ว่า โลหะเงิน มีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับ ทองคำ ในทางกลับกัน เมื่ออัตราส่วนนี้ลดลง (เช่น ต่ำกว่า 80) อาจบ่งชี้ว่า โลหะเงิน มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ทองคำ

แท่งโลหะเงินเรียงซ้อนกับเหรียญทอง

ในช่วงที่ผ่านมา อัตราส่วนทองคำต่อเงิน ได้ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่า โลหะเงิน กำลังมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ ทองคำ และอาจดึงดูดนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ที่มีมูลค่า “ตามหลัง” ทองคำ อยู่และมีโอกาสในการวิ่งไล่ตาม

มุมมองเชิงเทคนิคสำหรับนักเทรดที่ต้องการความแม่นยำ

สำหรับนักเทรดที่ใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis) ในการตัดสินใจ ราคาโลหะเงิน มีลักษณะที่น่าสนใจในการศึกษาเช่นกัน ด้วยความผันผวนที่สูงกว่า ทองคำ ทำให้มีโอกาสในการเทรดระยะสั้นมากขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน

คุณสามารถใช้เครื่องมือและรูปแบบกราฟต่างๆ เช่น:

  • แนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance): ระบุระดับราคาที่คาดว่าจะมีแรงซื้อหรือแรงขายเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
  • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages): ใช้เพื่อยืนยัน แนวโน้ม หรือระบุจุดเข้า/ออก
  • รูปแบบกราฟ (Chart Patterns): เช่น Head and Shoulders, Triangles, Flags เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
  • อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค (Technical Indicators): เช่น RSI, MACD, Bollinger Bands เพื่อวัดโมเมนตัมหรือภาวะซื้อมาก/ขายมากเกินไป

การทำความเข้าใจพฤติกรรมราคาของ โลหะเงิน ในอดีตและปัจจุบัน โดยใช้เครื่องมือเชิงเทคนิคเหล่านี้ ควบคู่ไปกับการติดตามปัจจัยพื้นฐาน จะช่วยให้คุณวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความเสี่ยงและความผันผวนที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจ

แม้ว่า โลหะเงิน จะมีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและความผันผวนที่คุณต้องพิจารณา:

  • ความผันผวนสูง: อย่างที่กล่าวไป ราคาโลหะเงิน มีแนวโน้มที่จะผันผวนมากกว่า ทองคำ ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นสำหรับการลงทุนระยะสั้น
  • ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก: เนื่องจาก โลหะเงิน มีการใช้งานภาคอุตสาหกรรมสูง ดังนั้น หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างมาก อุปสงค์ ในภาคอุตสาหกรรมก็อาจลดลง ส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาได้
  • การเก็งกำไร: กิจกรรมของ นักลงทุนรายย่อย หรือการเก็งกำไรขนาดใหญ่อาจทำให้ราคาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่เป็นไปตามปัจจัยพื้นฐานในระยะสั้น
  • ความสัมพันธ์กับดอลลาร์สหรัฐฯ: โดยทั่วไป ราคาโลหะเงิน (เช่นเดียวกับ ทองคำ) มีความสัมพันธ์แบบผกผันกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (วัดโดย ดัชนี Bloomberg Dollar Spot) หากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาโลหะเงิน มักจะถูกกดดันในทางกลับกัน

ดังนั้น การลงทุนใน โลหะเงิน จึงควรเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยง และคุณควรลงทุนเฉพาะเงินที่คุณพร้อมจะรับความเสี่ยงที่จะสูญเสียได้

เปรียบเทียบโลหะเงินกับสินทรัพย์อื่นๆ และทางเลือกการลงทุน

เมื่อพิจารณา โลหะเงิน ในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุน คุณมีทางเลือกหลากหลายในการเข้าถึง:

  • โลหะเงินในรูปกายภาพ: เช่น เหรียญหรือแท่ง ซึ่งเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด แต่มีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาและค่าพรีเมียมที่สูงกว่าราคาตลาด
  • กองทุน ETF ที่ลงทุนในโลหะเงิน: เป็นวิธีที่สะดวกในการเข้าถึง ราคาโลหะเงิน โดยไม่ต้องจัดการกับโลหะทางกายภาพ
  • หุ้นของบริษัทเหมืองแร่โลหะเงิน: ผลตอบแทนอาจสัมพันธ์กับ ราคาโลหะเงิน แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะของบริษัทนั้นๆ ด้วย
  • สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures): สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และรับความเสี่ยงได้สูง
  • สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFDs): เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการเก็งกำไร ราคาโลหะเงิน โดยใช้ Leverage ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนสูงได้ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

หากคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่เข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้ รวมถึงการเทรดในรูปแบบ CFD ที่มีความยืดหยุ่น Moneta Markets เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ มันมาจาก ออสเตรเลีย นำเสนอสินค้าทางการเงินมากกว่า 1000 รายการ ทั้งสกุลเงิน หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และโลหะมีค่า รวมถึง XAGUSD ด้วย ซึ่งรองรับทั้งนักลงทุนมือใหม่และมืออาชีพ

ในส่วนของการเลือก แพลตฟอร์ม การเทรด Moneta Markets มีความยืดหยุ่นและโดดเด่นด้านเทคโนโลยี ด้วยการรองรับ MT4, MT5, Pro Trader ที่เป็น แพลตฟอร์ม หลักในตลาด พร้อมระบบการประมวลผลคำสั่งที่รวดเร็วและค่าสเปรดที่แข่งขันได้ เพื่อประสบการณ์การเทรดที่ราบรื่น

ถ้าคุณกำลังมองหา โบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือและมีการกำกับดูแลที่ดี Moneta Markets มีการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่ง เช่น FSCA, ASIC, FSA พร้อมระบบดูแลเงินทุนของลูกค้าแบบแยกบัญชี (Segregated Accounts) และบริการอื่นๆ เช่น VPS ฟรี และฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ในหลากหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือก แพลตฟอร์ม ที่คุณจะฝากเงินและใช้ในการซื้อขาย

สรุป: โลหะเงินยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าจับตาในปี 2567 หรือไม่?

จากปัจจัยต่างๆ ที่เราได้กล่าวถึง ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์เชิงบวกจากสถาบันและนักวิเคราะห์ แนวโน้มการปรับลด อัตราดอกเบี้ย ของ เฟด อุปสงค์ ที่แข็งแกร่งจากภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความน่าสนใจเชิงเปรียบเทียบกับ ทองคำ ผ่าน อัตราส่วนทองคำต่อเงิน และศักยภาพจากการได้รับความสนใจจาก นักลงทุนรายย่อย ทำให้ โลหะเงิน ในปี 2567 ยังคงเป็น สินทรัพย์ ที่น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง คุณควรทำการบ้านศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน เข้าใจถึงปัจจัยทั้งพื้นฐานและเชิงเทคนิคที่ส่งผลต่อ ราคาโลหะเงิน และพิจารณา ความผันผวน ที่อาจเกิดขึ้น การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีก่อนตัดสินใจลงทุนใน โลหะเงิน หรือ สินทรัพย์ อื่นๆ ในพอร์ตการลงทุนของคุณ

ปัจจัย ผลกระทบต่อราคาโลหะเงิน
นโยบายการเงินของเฟด อาจมีผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยและทำให้ราคาบอลโลหะเงินสูงขึ้น
อุปสงค์จากภาคอุตสาหกรรม โลหะเงินมีการใช้งานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาโลหะเงินปรับตัวสูงขึ้น
นักลงทุนรายย่อย การเพิ่มขึ้นของนักลงทุนรายย่อยอาจสร้างแรงผลักดันให้ราคาโลหะเงิน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับราคาโลหะเงิน

Q:โลหะเงินมีการใช้งานอย่างไรบ้างในอุตสาหกรรม?

A:โลหะเงินถูกใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การผลิตแผงโซลาร์เซลล์, และยานยนต์ไฟฟ้าเป็นต้น

Q:การลงทุนในโลหะเงินมีความเสี่ยงอย่างไร?

A:มีความผันผวนสูงและมีปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อราคา

Q:เหตุใดนักลงทุนจึงสนใจโลหะเงินในปี 2567?

A:มีการคาดการณ์ว่าโลหะเงินอาจเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในปีนี้

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *