หุ้นกู้ออกใหม่ 2566: ทางเลือกการลงทุนที่มั่นคง พร้อมคู่มือครบวงจรสำหรับนักลงทุนไทย

Table of Contents

บทนำ: ทำความเข้าใจหุ้นกู้ออกใหม่ 2566 และความสำคัญต่อการลงทุน

ในยุคที่ตลาดการลงทุนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นักลงทุนจำนวนมากมองหาทางเลือกที่มอบผลตอบแทนแน่นอนและคาดเดาได้ง่าย หุ้นกู้ออกใหม่ 2566 ซึ่งหมายถึงหุ้นกู้ที่เสนอขายในปี พ.ศ. 2566 หรือ ค.ศ. 2023 ได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนชาวไทย โดยเฉพาะคนที่อยากได้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร แต่ไม่ต้องการเสี่ยงมากเกินไป ตลอดปี 2566 ตลาดหุ้นกู้ในไทยเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวที่น่าติดตาม เนื่องจากบริษัทหลากหลายแขนงหันมาระดมทุนผ่านหุ้นกู้ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการฟื้นฟูหลังวิกฤตโควิด-19 การศึกษาหุ้นกู้ออกใหม่จึงไม่ใช่แค่การรวบรวมข้อมูล แต่เป็นก้าวสำคัญในการวางกลยุทธ์ลงทุนเพื่อความมั่งคั่งในอนาคต

ภาพประกอบนักลงทุนไทยศึกษาหุ้นกู้ออกใหม่ 2566 บนแท็บเล็ตพร้อมกราฟการเติบโตที่มั่นคง

หุ้นกู้คืออะไร? พื้นฐานที่นักลงทุนไทยควรรู้ก่อนเริ่มลงทุน

หุ้นกู้ หรือที่รู้จักในชื่อ Corporate Bond คือเครื่องมือทางการเงินที่บริษัทเอกชนใช้ในการกู้ยืมเงินจากประชาชนหรือนักลงทุน บริษัทผู้发行จะชำระดอกเบี้ยให้เจ้าของหุ้นกู้ตามอัตราที่ตกลงกันไว้ และคืนเงินต้นเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของตราสารดังกล่าว ดังนั้น หุ้นกู้จึงนับเป็นรูปแบบการลงทุนที่เสี่ยงน้อยกว่าการถือหุ้นทั่วไป แต่ให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าเงินฝากธนาคาร ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างผลกำไรและความปลอดภัย

ภาพประกอบบริษัทเอกชน发行หุ้นกู้ให้กับนักลงทุน แสดงกระแสเงินจากนักลงทุนไปยังบริษัทและดอกเบี้ยไหลกลับ

ประเภทของหุ้นกู้ที่พบในตลาดตราสารหนี้ไทย

ในตลาดตราสารหนี้ของไทย มีหุ้นกู้หลากหลายรูปแบบที่นักลงทุนสามารถพิจารณาได้ แต่ละประเภทมาพร้อมลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • หุ้นกู้ไม่มีประกัน (Unsecured Bond): ประเภทนี้ไม่มีหลักประกันทางกายภาพ ความเสี่ยงจึงขึ้นอยู่กับความเชื่อถือของบริษัทผู้发行 หากเกิดการผิดนัดชำระ ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับการชำระคืนหลังจากเจ้าหนี้ที่มีหลักประกัน
  • หุ้นกู้มีประกัน (Secured Bond): ต่างจากแบบไม่มีประกันตรงที่มีสินทรัพย์ของบริษัท เช่น ที่ดินหรือเครื่องจักร ค้ำประกัน ทำให้เสี่ยงน้อยกว่าและมักได้อันดับเครดิตที่ดี
  • หุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Subordinated Bond): ผู้ถือจะได้รับเงินคืนหลังเจ้าหนี้ทั่วไป รวมถึงหุ้นกู้ไม่มีประกัน เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงขึ้น จึงให้ผลตอบแทนที่มากกว่า
  • หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ (Perpetual Bond): หรือหุ้นกู้ที่ไม่มีวันไถ่ถอนชัดเจน คล้ายทุน แต่บริษัทสามารถไถ่ถอนได้ตามเงื่อนไข ผู้ลงทุนรับดอกเบี้ยต่อเนื่องตราบใดที่บริษัทยังจ่ายได้ แม้เสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนก็สูงตาม

การรู้จักประเภทเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนเลือกตัวเลือกที่ตรงกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับและแผนการลงทุนส่วนตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในบริบทของตลาดไทยที่กำลังขยายตัว

ภาพประกอบประเภทต่างๆ ของหุ้นกู้ เช่น มีประกัน ไม่มีประกัน ด้อยสิทธิ และชั่วนิรันดร์

ประโยชน์และความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นกู้สำหรับนักลงทุนไทย

ก่อนจะลงทุนในหุ้นกู้ นักลงทุนไทยควรชั่งน้ำหนักทั้งข้อดีและข้อเสีย เพื่อตัดสินใจอย่างรอบคอบ

ข้อดี:

  • รายได้ที่สม่ำเสมอ: ได้รับดอกเบี้ยตามกำหนด ทำให้คาดการณ์กระแสเงินสดได้ง่าย
  • ความมั่นคงเหนือหุ้น: ผันผวนน้อยกว่าหุ้นสามัญ และดีกว่าเงินฝากในแง่ผลตอบแทน
  • ช่วยกระจายความเสี่ยง: เพิ่มหุ้นกู้ในพอร์ตช่วยลดความผันผวนโดยรวม เนื่องจากมักเคลื่อนไหวตรงข้ามกับตลาดหุ้น
  • เข้าถึงบริษัทชั้นนำ: สามารถลงทุนในยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงผ่านหุ้นกู้ของพวกเขา

ข้อเสีย:

  • ความเสี่ยงเครดิต: บริษัทอาจไม่ชำระคืนได้ ดังนั้นต้องตรวจสอบอันดับเครดิตให้ดี
  • ความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย: ถ้าดอกเบี้ยตลาดขึ้น ราคาหุ้นกู้เก่าอาจตก ทำให้ขายก่อนกำหนดขาดทุน
  • ความเสี่ยงสภาพคล่อง: บางตัวซื้อขายยากในตลาดรอง อาจต้องขายถูก
  • ความเสี่ยงเงินเฟ้อ: ถ้าเงินเฟ้อพุ่ง ผลตอบแทนจริงอาจลดลง

ด้วยการเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนเหล่านี้ นักลงทุนสามารถจัดการพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แหล่งข้อมูลและช่องทางค้นหาหุ้นกู้ออกใหม่ 2566 ที่เชื่อถือได้

สำหรับนักลงทุนในไทย การหาข้อมูลที่แม่นยำและน่าเชื่อถือคือกุญแจสู่ความสำเร็จในการลงทุนหุ้นกู้ออกใหม่ มีแหล่งข้อมูลหลักที่แนะนำดังนี้

  • สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA): ถือเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่เป็นทางการ เว็บไซต์ ThaiBMA ให้รายละเอียดครบครันเกี่ยวกับหุ้นกู้ใหม่ ปฏิทินเสนอขาย อันดับเครดิต และภาพรวมตลาด สามารถค้นหาข้อมูลเฉพาะรุ่นได้สะดวก
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. – SEC): หน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนไทย เว็บไซต์ ก.ล.ต. มีหนังสือชี้ชวนที่สำคัญ ซึ่งอธิบายรายละเอียดบริษัทและเงื่อนไขหุ้นกู้ ควรอ่านให้ละเอียดก่อนลงทุน
  • ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ: ธนาคารใหญ่เช่น ธนาคารกสิกรไทย (KBank), ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และธนาคารกรุงไทย (Krungthai) มักจัดการจำหน่ายหุ้นกู้ เว็บไซต์ของพวกเขามีข้อมูลการเสนอขายและวิธีจอง
  • บริษัทหลักทรัพย์: แห่งต่างๆ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (Asia Plus) หรือ บล. กสิกรไทย ให้บริการจองซื้อพร้อมบทวิเคราะห์เพิ่มเติม
  • แพลตฟอร์มออนไลน์: เช่น WealthMagik ที่รวบรวมข้อมูลและอำนวยความสะดวกในการจองซื้อ

การใช้แหล่งเหล่านี้ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลล่าสุดและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

การวิเคราะห์และเลือกหุ้นกู้ออกใหม่ 2566 ที่เหมาะสมกับพอร์ตของคุณ

การคัดเลือกหุ้นกู้ที่ใช่ต้องอาศัยการพิจารณาหลายมุมมอง ไม่ใช่แค่อัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว เพื่อให้สอดคล้องกับพอร์ตการลงทุนส่วนตัว

สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนลงทุน: อัตราดอกเบี้ย, อายุหุ้นกู้, อันดับความน่าเชื่อถือ และเงื่อนไขพิเศษ

  • อัตราดอกเบี้ย: เป็นจุดดึงดูดหลัก แต่ต้องไม่ใช่ปัจจัยเดียว เพราะอัตราสูงมักแฝงความเสี่ยง
  • อายุหุ้นกู้: เลือกให้ตรงกับแผนลงทุนและสภาพคล่อง หุ้นกู้อายุยาวให้ดอกเบี้ยดีกว่าแต่เสี่ยงอัตราดอกเบี้ยมาก
  • อันดับความน่าเชื่อถือ: สำคัญที่สุดในการวัดความเสี่ยงเครดิต สถาบันอย่าง TRIS Rating ให้คะแนนจาก AAA (ดีสุด) ถึง D (ผิดนัด) ควรเลือกตามที่ยอมรับได้
  • เงื่อนไขพิเศษ: บางรุ่นมีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดหรือแปลงสภาพ ต้องศึกษาอย่างละเอียด

การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ช่วยลดโอกาสพลาดและเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ

วิธีประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ (สำหรับนักลงทุนมือใหม่ในไทย)

สำหรับมือใหม่ การวิเคราะห์บริษัทอาจดูยุ่งยาก แต่มีขั้นตอนง่ายๆ ที่ทำได้

  1. ตรวจอันดับความน่าเชื่อถือ: เริ่มต้นด้วยข้อมูลจากสถาบันจัดอันดับ ซึ่งวิเคราะห์มาแล้ว
  2. ศึกษาบริษัท:
    • ขนาดและสถานะอุตสาหกรรม: บริษัทใหญ่ในอุตสาหกรรมมั่นคงมักเสี่ยงน้อย
    • ประวัติผลงาน: ดูกำไรสม่ำเสมอและการชำระหนี้ในอดีต
    • ฐานะการเงิน: ตรวจงบจากรายงานประจำปีใน ก.ล.ต. หรือเว็บบริษัท เน้นอัตราส่วนหนี้ต่อทุนต่ำและกำไรดี
  3. อ่านหนังสือชี้ชวน: ได้ข้อมูลลึกเกี่ยวกับธุรกิจ ความเสี่ยง วัตถุประสงค์ และตัวเลขการเงิน
  4. ติดตามข่าว: อัพเดทข่าวบริษัทและอุตสาหกรรมเพื่อคาดการณ์อนาคต

วิธีเหล่านี้ช่วยให้มือใหม่ประเมินได้อย่างมีระบบ โดยไม่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง

ขั้นตอนการจองซื้อหุ้นกู้ออกใหม่ในประเทศไทยอย่างละเอียด

หลังจากเลือกหุ้นกู้ที่ต้องการ ขั้นตอนจองซื้อก็สำคัญไม่แพ้กัน มีวิธีหลากหลายที่ทำได้ง่าย

  1. เปิดบัญชีลงทุน: ถ้ายังไม่มี ต้องสมัครกับธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง โดยมักต้องมีบัญชีเงินฝากสำหรับชำระ
  2. ศึกษาการเสนอขาย: ดูปฏิทินจาก ThaiBMA หรือเว็บผู้จัดการ เพื่อรู้ช่วงจอง ราคา ขั้นต่ำ และวิธีชำระ
  3. เตรียมเอกสาร: หลักๆ คือบัตรประชาชนและสมุดบัญชีสำหรับผูกเพื่อชำระและรับเงินคืน
  4. จองซื้อ:
    • ผ่านธนาคาร: ไปสาขาหรือใช้แอป/เว็บของ KBank, SCB, BBL, Krungthai
    • ผ่านบริษัทหลักทรัพย์: ติดต่อเจ้าหน้าที่หรือใช้แพลตฟอร์มออนไลน์
    • ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์: เช่น WealthMagik ที่จองได้ตรง
  5. ชำระเงิน: จ่ายตามจำนวนที่ต้องการ ตามวิธีที่กำหนด
  6. รอจัดสรร: หลังปิดจอง จะแจ้งผล หากไม่เต็มจำนวน เงินคืนเข้าบัญชีตามกำหนด

ทำตามขั้นตอนนี้จะช่วยให้กระบวนการราบรื่นและหลีกเลี่ยงปัญหา

มุมมองอนาคต: หุ้นกู้ออกใหม่ 2567 และ 2568 แนวโน้มและกลยุทธ์การลงทุน

ตลาดหุ้นกู้ไทยในปี 2567 และ 2568 คาดว่าจะยังคงคึกคัก แม้เผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจใหญ่

แนวโน้มหลัก:

  • อัตราดอกเบี้ย: ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจคงระดับสูงหรือลดลงช้าๆ ในช่วงปลาย 2567 ถึงต้น 2568 ส่งผลถึงดอกเบี้ยหุ้นกู้ใหม่
  • การเติบโตเศรษฐกิจ: การฟื้นตัวจากท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐานรัฐจะกระตุ้นบริษัทระดมทุนมากขึ้น
  • คุณภาพเครดิต: บริษัทใหญ่เครดิตดียังเป็นที่นิยม แต่บริษัทกลางอาจเพิ่มขึ้น
  • ประเภทหุ้นกู้: หุ้นกู้ยั่งยืนและสีเขียวจะมาแรงตามกระแส ESG

กลยุทธ์การลงทุน:

  • ติดตามนโยบายการเงิน: สังเกตการปรับดอกเบี้ยธนาคารแห่งประเทศไทย
  • กระจายความเสี่ยง: อย่ากองทุนในบริษัทหรืออุตสาหกรรมเดียว
  • เน้นคุณภาพเครดิต: เลือกอันดับสูงในยุคเศรษฐกิจผันผวน
  • หาโอกาสเฉพาะทาง: มองหุ้นกู้ ESG หรือจากโครงการรัฐ
  • ศึกษาลึก: ใช้ข้อมูลจาก ThaiBMA และ ก.ล.ต. เช่น รายงานแนวโน้ม ดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก ThaiBMA

การเตรียมตัวด้วยกลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยคว้าโอกาสในตลาดที่เปลี่ยนแปลง

บทสรุป: วางแผนลงทุนหุ้นกู้เพื่อเป้าหมายทางการเงินที่มั่นคงและยั่งยืน

หุ้นกู้ออกใหม่ 2566 นำโอกาสดีๆ มาสู่นักลงทุนไทยที่แสวงหาผลตอบแทนมั่นคงและคาดการณ์ได้ แต่ความสำเร็จอยู่ที่การเข้าใจเครื่องมือ ประเมินความเสี่ยงให้รอบด้าน และวางแผนให้ตรงกับเป้าหมายและระดับเสี่ยงที่ยอมรับ การใช้ข้อมูลจาก ก.ล.ต. และ ThaiBMA วิเคราะห์เครดิตบริษัท และกระจายพอร์ต จะนำไปสู่ผลตอบแทนยั่งยืน การปรับตัวตามแนวโน้มปี 2567-2568 ด้วยความยืดหยุ่น จะช่วยให้คุณก้าวสู่ความมั่งคั่งทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

หุ้นกู้ออกใหม่ 2566 มีอะไรน่าสนใจบ้าง และเหมาะกับนักลงทุนประเภทไหนในไทย?

หุ้นกู้ออกใหม่ 2566 มีความน่าสนใจตรงที่หลายบริษัทชั้นนำออกเสนอขายพร้อมอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคารแต่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงต่ำ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอ หรือต้องการกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้น

นักลงทุนรายย่อยจะหาข้อมูลและจองซื้อหุ้นกู้ออกใหม่ได้อย่างไรในประเทศไทย?

นักลงทุนรายย่อยสามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ ThaiBMA และ ก.ล.ต. ส่วนการจองซื้อสามารถทำได้ผ่านธนาคารพาณิชย์ที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย (เช่น KBank, SCB, BBL, Krungthai) หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับแต่งตั้ง หรือแพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์บางแห่ง

การลงทุนในหุ้นกู้มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยควรรู้และวิธีจัดการ?

ความเสี่ยงหลักๆ ได้แก่:

  • ความเสี่ยงด้านเครดิต: บริษัทอาจไม่สามารถชำระคืนได้ จัดการโดยเลือกหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง
  • ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย: ราคาหุ้นกู้อาจลดลงหากอัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น จัดการโดยถือหุ้นกู้จนครบกำหนด หรือเลือกหุ้นกู้อายุสั้น
  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: อาจขายคืนในตลาดรองได้ยาก จัดการโดยเลือกหุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่หรือหุ้นกู้ที่มีมูลค่าเสนอขายสูง

หุ้นกู้กับพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาลต่างกันอย่างไรในมุมมองของนักลงทุนไทย?

หุ้นกู้เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน ซึ่งมีความเสี่ยงด้านเครดิตสูงกว่าพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล พันธบัตรออมทรัพย์ถือเป็นการลงทุนที่แทบไม่มีความเสี่ยงด้านเครดิต เนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้ออก อย่างไรก็ตาม หุ้นกู้มักให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

หากต้องการลงทุนในหุ้นกู้ ควรเริ่มต้นด้วยเงินเท่าไหร่และมีข้อกำหนดขั้นต่ำหรือไม่?

โดยทั่วไป หุ้นกู้จะมีข้อกำหนดขั้นต่ำในการจองซื้อที่ 10,000 บาท หรือ 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและประเภทของหุ้นกู้ บางรุ่นอาจมีขั้นต่ำที่สูงกว่านั้น นักลงทุนควรตรวจสอบรายละเอียดในหนังสือชี้ชวนหรือประกาศการเสนอขาย

หุ้นกู้ออกใหม่ 2567 และ 2568 มีแนวโน้มเป็นอย่างไร และควรเตรียมตัวอย่างไร?

แนวโน้มในปี 2567-2568 คาดว่าตลาดยังคงเติบโตจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและโครงการลงทุนภาครัฐ อัตราดอกเบี้ยอาจทรงตัวหรือค่อยๆ ลดลง นักลงทุนควรเตรียมตัวโดย:

  • ติดตามนโยบายการเงินและเศรษฐกิจมหภาค
  • ศึกษาหุ้นกู้จากอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัว
  • พิจารณาหุ้นกู้ ESG ที่มีแนวโน้มเติบโต
  • กระจายความเสี่ยงและให้ความสำคัญกับอันดับความน่าเชื่อถือ

การลงทุนหุ้นกู้มีผลกระทบทางภาษีในประเทศไทยอย่างไร และต้องเสียภาษีแบบไหน?

ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการลงทุนในหุ้นกู้ถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 4 (มาตรา 40(4)(ก)) ซึ่งต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% สำหรับบุคคลธรรมดา หากผู้ลงทุนเป็นนิติบุคคล จะต้องนำดอกเบี้ยดังกล่าวไปรวมคำนวณเป็นรายได้ของบริษัทและเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามอัตราที่กำหนด

ควรพิจารณาปัจจัยใดบ้างในการเลือกหุ้นกู้จากบริษัทที่แตกต่างกันเพื่อความปลอดภัย?

เพื่อความปลอดภัย ควรพิจารณา:

  • อันดับความน่าเชื่อถือ: เลือกบริษัทที่มีอันดับเครดิตสูง
  • ฐานะทางการเงิน: ตรวจสอบงบการเงิน, อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน, ความสามารถในการทำกำไร
  • ขนาดและชื่อเสียงของบริษัท: บริษัทใหญ่และมีประวัติดีมักมีความมั่นคงกว่า
  • วัตถุประสงค์การใช้เงิน: ดูว่าบริษัทนำเงินไปใช้ทำอะไร มีความสมเหตุสมผลหรือไม่
  • อุตสาหกรรม: เลือกอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มดีและมั่นคง

หากหุ้นกู้ที่จองซื้อไม่ได้รับการจัดสรรเต็มจำนวน ต้องทำอย่างไรและจะได้รับเงินคืนเมื่อไหร่?

หากหุ้นกู้ที่จองซื้อไม่ได้รับการจัดสรรเต็มจำนวน (หรือไม่ได้เลย) ส่วนต่างของเงินที่ชำระเกินไปจะถูกคืนเข้าบัญชีเงินฝากที่ผูกไว้ โดยทั่วไปแล้วจะได้รับเงินคืนภายในระยะเวลาที่กำหนดในหนังสือชี้ชวน ซึ่งมักจะอยู่ภายใน 7-14 วันทำการหลังจากการจัดสรร

มีช่องทางไหนบ้างที่จะได้รับการแจ้งเตือนหุ้นกู้ออกใหม่ล่าสุดในตลาดไทย?

คุณสามารถรับการแจ้งเตือนได้จากหลายช่องทาง:

  • สมัครรับข่าวสาร (Newsletter) จากเว็บไซต์ ThaiBMA
  • ติดตามข่าวสารจากธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ที่คุณมีบัญชีลงทุน
  • ติดตามเพจ Facebook หรือช่องทางโซเชียลมีเดียของสำนักข่าวเศรษฐกิจและการลงทุน
  • ใช้แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มการลงทุนที่มีฟังก์ชันแจ้งเตือน

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *