ลงทุน NFT: โอกาสในโลกดิจิทัล หรือความเสี่ยงที่ต้องระวังในปี 2025

Table of Contents

การลงทุนใน NFT: โอกาสในโลกดิจิทัล หรือความเสี่ยงที่ต้องระวัง?

ในโลกของการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัล มีสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่เคยสร้างความฮือฮาและดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั่วโลกได้อย่างมหาศาล นั่นคือ NFT (Non-Fungible Token) ครับ

คุณอาจเคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับผลงานศิลปะดิจิทัลที่ถูกขายไปในราคาสูงลิ่ว หรือมีมตลกๆ ที่กลายเป็นสินทรัพย์มูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร และมีโอกาสในการสร้างกำไรเหมือนสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ อย่าง Bitcoin หรือ Ethereum หรือไม่

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการลงทุนในตลาดที่ยังใหม่และมีความผันผวนสูง ตลาด NFT ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ซับซ้อนและท้าทายไม่แพ้กัน บทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกทำความเข้าใจ NFT ตั้งแต่พื้นฐาน ยุคเฟื่องฟู ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ ไปจนถึงภาพรวมตลาดในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้คุณมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบที่สุด

การระเบิดทางศิลปะดิจิทัล

ตารางด้านล่างนี้แสดงการเปลี่ยนแปลงมูลค่าการซื้อขายของ NFT ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน:

ปี มูลค่าการซื้อขาย (ล้านเหรียญสหรัฐ)
2020 250
2021 2000
2023 ต่ำกว่าที่คาดการณ์

ทำความรู้จัก NFT: สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่เหมือนใคร

หัวใจสำคัญของการทำความเข้าใจ NFT คือคำว่า “Non-Fungible” หรือ “ไม่สามารถทดแทนกันได้” ซึ่งตรงข้ามกับสินทรัพย์ส่วนใหญ่ที่เราคุ้นเคย เช่น เงินบาท เหรียญ Bitcoin หรือหุ้น

ยกตัวอย่างเช่น เงินบาทหนึ่งพันบาทของคุณ สามารถนำไปแลกกับเงินบาทหนึ่งพันบาทของคนอื่นได้ โดยที่มูลค่ายังคงเท่าเดิม นี่คือสินทรัพย์แบบ Fungible Token หรือสินทรัพย์ที่ทดแทนกันได้ ในทำนองเดียวกัน Bitcoin หนึ่งเหรียญก็มีมูลค่าเท่ากับ Bitcoin หนึ่งเหรียญของคนอื่น คุณสามารถแลกเปลี่ยนกันได้โดยไม่มีความแตกต่างในเชิงคุณสมบัติพื้นฐาน

แต่สำหรับ NFT นั้นแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง NFT แต่ละชิ้นมีคุณสมบัติและข้อมูลเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร แม้จะเป็นผลงานจากซีรีส์เดียวกัน หรือดูคล้ายคลึงกันภายนอก แต่เบื้องหลังบนเทคโนโลยีบล็อกเชน NFT แต่ละชิ้นจะถูกบันทึกรหัสและข้อมูลเฉพาะที่ไม่ซ้ำกันเลย นี่คือที่มาของคำว่า “เอกลักษณ์เฉพาะตัว” ครับ

ลองนึกภาพง่ายๆ เหมือนคุณซื้อตั๋วคอนเสิร์ตแบบระบุที่นั่ง แม้ตั๋วทุกใบจะเป็นตั๋วคอนเสิร์ตเดียวกัน แต่ตั๋วของคุณก็มีหมายเลขที่นั่งเฉพาะเจาะจง ไม่สามารถนำไปแลกกับตั๋วที่นั่งอื่นได้โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ หรือเหมือนงานศิลปะต้นฉบับของศิลปินชื่อดัง แม้จะมีภาพพิมพ์ซ้ำออกมามากมาย แต่ผลงานต้นฉบับชิ้นเดียวก็ยังคงมีมูลค่าและความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างออกไป

NFT คือสิ่งที่นำแนวคิดนี้มาใช้กับสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดดิจิทัล คลิปวิดีโอ เสียงเพลง ไอเทมในเกม หรือแม้แต่ทวีตแรก

ความตื่นเต้นในตลาด NFT

เบื้องหลังเทคโนโลยีบล็อกเชน: อะไรที่ทำให้ NFT พิเศษ?

สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ NFT สามารถมี “เอกลักษณ์เฉพาะตัว” และ “ความเป็นเจ้าของ” ที่ชัดเจนได้ในโลกดิจิทัลที่การคัดลอกไฟล์เป็นเรื่องง่าย นั่นคือการทำงานร่วมกับ เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology)

เมื่อมีการสร้าง (Mint) NFT ขึ้นมา ข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อผลงาน รายละเอียด คุณสมบัติเฉพาะ และที่อยู่กระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้สร้าง จะถูกบันทึกไว้บนบล็อกเชน เช่น บล็อกเชนของ Ethereum, Binance Smart Chain หรือ Flow ข้อมูลนี้จะถูกเก็บไว้ในรูปแบบของ Smart Contract ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอัตโนมัติเมื่อเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่กำหนดไว้

ข้อดีของบล็อกเชนคือ ความโปร่งใสและความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ (Immutable) ทุกๆ ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ NFT ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง การซื้อขาย การโอนย้ายกรรมสิทธิ์ จะถูกบันทึกอย่างถาวรบนบล็อกเชน ทำให้ทุกคนสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่า NFT ชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อใด โดยใคร และเคยเปลี่ยนมือไปแล้วกี่ครั้ง

เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Blockchain

คุณสมบัตินี้เองที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน “ใบรับรองความเป็นเจ้าของ” และ “หลักฐานยืนยันความเป็นต้นฉบับ” ในโลกดิจิทัล แม้ว่าไฟล์ดิจิทัลนั้นๆ จะถูกคัดลอกไปได้ง่ายๆ แต่ NFT ที่เชื่อมโยงกับไฟล์นั้นบนบล็อกเชนจะเป็นตัวบอกว่าใครคือ “เจ้าของกรรมสิทธิ์” ที่แท้จริงตามบันทึกบนเครือข่ายกระจายศูนย์

นี่คือสิ่งที่ทำให้ NFT แตกต่างจากไฟล์ดิจิทัลทั่วไปที่สามารถดาวน์โหลดและแชร์ได้ง่ายๆ NFT มอบ “ความเป็นเจ้าของ” ในรูปแบบดิจิทัลที่ตรวจสอบและโอนย้ายได้นั่นเองครับ

ยุคทองของ NFT: กระแสความนิยมที่พุ่งทะยาน

ตลาด NFT เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2020-2021 ลองดูตัวเลขเหล่านี้สิครับ มูลค่าการซื้อขายรวมทั่วโลกของ NFT พุ่งจาก 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2020 ไปสู่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในไตรมาสแรกของปี 2021 เพียงไตรมาสเดียว!

กระแสความนิยมนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งหลายอย่าง ตัวอย่างที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นผลงานศิลปะดิจิทัลที่ชื่อว่า “Everydays: The First 5,000 Days” โดยศิลปินที่ชื่อว่า Beeple ซึ่งถูกขายผ่านบ้านประมูลชื่อดัง Christie’s Auction House ไปด้วยราคาสูงถึง 69.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ Beeple กลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีชีวิตที่แพงที่สุดในโลก

ความตื่นเต้นในตลาด NFT

ตารางด้านล่างแสดงตัวอย่างการขาย NFT ที่มีราคาสูง:

ชื่อผลงาน ผู้สร้าง ราคา (ล้านเหรียญสหรัฐ)
Everydays: The First 5,000 Days Beeple 69.3
ทวีตแรกของ Jack Dorsey Jack Dorsey 2.9
Disaster Girl ไม่ระบุ 0.49

นอกจากนี้ ยังมีกรณีอื่นๆ ที่เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง เช่น การประมูลทวีตแรกของ Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter ที่ถูกขายในรูปแบบ NFT ไปกว่า 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือแม้แต่ภาพถ่ายมีมสุดคลาสสิกอย่าง “Disaster Girl” ที่ถูกนำมาแปลงเป็น NFT และขายได้ในราคาสูงถึง 4.9 แสนเหรียญสหรัฐฯ

ความสำเร็จเหล่านี้ดึงดูดทั้งนักลงทุน นักสะสม ศิลปิน และแบรนด์ต่างๆ ให้เข้าสู่ตลาด NFT เกิดแพลตฟอร์มซื้อขายมากมาย เช่น OpenSea, Nifty Gateway, Mintable และ Rarible ทำให้ตลาดคึกคักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ปัจจัยขับเคลื่อนความฮิต: ทำไม NFT ถึงโด่งดังในชั่วข้ามคืน?

อะไรคือเบื้องหลังที่ทำให้ NFT ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและรุนแรงขนาดนั้น?

มีหลายปัจจัยประกอบกันที่ผลักดันกระแสนี้ครับ

  • ศักยภาพในการสร้างรายได้ให้ศิลปินและครีเอเตอร์: NFT เปิดโอกาสให้ศิลปินดิจิทัลสามารถขายผลงานของตัวเองได้โดยตรงในรูปแบบที่ยืนยันความเป็นต้นฉบับได้ อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าส่วนแบ่งรายได้ (Royalty) ให้ได้รับเงินทุกครั้งที่ผลงานนั้นถูกขายต่อไปในตลาดรอง ซึ่งเป็นโมเดลที่สร้างความเป็นธรรมให้กับผู้สร้างมากขึ้น

  • การแปลงสินทรัพย์กายภาพเป็นดิจิทัล: นอกจากศิลปะดิจิทัล NFT ยังถูกนำไปใช้กับสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ของสะสม (NBA Top Shot คลิปกีฬา), เพลง (อัลบั้มเพลงในรูปแบบ NFT), อสังหาริมทรัพย์ (ที่ดินในโลกเสมือนอย่าง Metaverse) หรือแม้แต่แฟชั่น (เสื้อผ้าดิจิทัล)

  • การตัดตัวกลาง: ศิลปินและผู้สร้างสามารถนำเสนอผลงานและขายให้กับผู้ซื้อได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์ม NFT โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางแบบดั้งเดิมอย่างแกลเลอรี่ ตัวแทน หรือบริษัทค่ายเพลง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับผู้สร้าง

  • การเข้าถึงตลาดกว้างขวาง: ตลาด NFT เป็นตลาดระดับโลก ใครก็ตามที่มีอินเทอร์เน็ตและกระเป๋าเงินดิจิทัลก็สามารถเข้าถึงและซื้อขายได้ ทำให้ผู้สร้างมีโอกาสเข้าถึงฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่าเดิมมาก

  • การสนับสนุนจากบุคคลที่มีชื่อเสียงและแบรนด์ใหญ่: การที่คนดังอย่าง Jimmy Fallon หรือ Paris Hilton ออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาเป็นเจ้าของ NFT ในคอลเลกชันดังอย่าง Bored Ape Yacht Club รวมถึงการที่แบรนด์ใหญ่ๆ เช่น Louis Vuitton หรือ Gucci เข้ามาร่วมในตลาด ยิ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้สนใจ

  • ความต้องการหาความแปลกใหม่และโอกาสการลงทุน: ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ผู้คนจำนวนหนึ่งมีเงินออมและกำลังมองหาโอกาสในการลงทุนหรือหาความบันเทิงในรูปแบบใหม่ๆ ตลาด NFT ที่ร้อนแรงและเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าตื่นเต้นจึงตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี

ปัจจัยเหล่านี้ประกอบกัน ทำให้ตลาด NFT เติบโตอย่างก้าวกระโดดและกลายเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองในโลกการเงินและเทคโนโลยี

ด้านมืดของการลงทุนใน NFT: ความเสี่ยงที่คุณต้องรู้

แม้ NFT จะดูน่าสนใจและเต็มไปด้วยโอกาส แต่ในฐานะนักลงทุน คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่านี่คือ การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน และไม่ใช่เรื่องของการซื้อแล้วจะทำกำไรได้เสมอไปครับ

ความเสี่ยงพื้นฐานที่สุดของการลงทุนใน NFT คือ มูลค่าของมันไม่ได้อิงตามปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Value) เหมือนกับการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการ หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีประโยชน์ใช้สอยทางกายภาพ แต่มูลค่าของ NFT ส่วนใหญ่ ขึ้นอยู่กับการให้คุณค่า ความเชื่อมั่น อุปสงค์ และอุปทานในตลาด รวมถึงความชอบส่วนบุคคลของผู้ซื้อ

ลองนึกภาพว่าทำไมภาพวาด Mona Lisa ถึงมีมูลค่ามหาศาล ไม่ใช่เพราะคุณสมบัติทางกายภาพของผืนผ้าใบและสี แต่เพราะประวัติศาสตร์ ศิลปะ ความมีชื่อเสียง และการยอมรับทางสังคม มูลค่าของ NFT ก็มีลักษณะคล้ายกัน คือเป็นมูลค่าเชิงนามธรรมมากกว่าเชิงรูปธรรม

สัญญาณความระมัดระวังของนักลงทุน

ลักษณะนี้ทำให้ราคาของ NFT มี ความผันผวนสูงมาก ราคาอาจพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็วจากกระแสความนิยม แต่ก็สามารถร่วงลงมาได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อกระแสหมดไป หรือมีปัจจัยลบอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ การลงทุนใน NFT ยังมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับ ความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัล ที่ใช้ในการซื้อขายเป็นหลัก โดยเฉพาะ Ethereum (ETH) ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักบนบล็อกเชนที่ NFT ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้น หากราคา ETH ลดลง มูลค่าของ NFT ที่ถือครองอยู่ (ซึ่งมักจะตีราคาเป็น ETH) ก็อาจลดลงตามไปด้วย แม้ราคาที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ของ NFT ชิ้นนั้นอาจจะคงที่ก็ตาม

ความเสี่ยงเฉพาะทาง: ฟองสบู่, การปั่นราคา และการหลอกลวง

เจาะลึกความเสี่ยงที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกขั้นในตลาด NFT ครับ

  • ความเสี่ยงภาวะฟองสบู่แตก: ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการหลายท่าน เช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ่งเกียรติ รัตนบานชื่น จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตั้งข้อสังเกตว่าความร้อนแรงของตลาด NFT ในช่วงที่ผ่านมา อาจเข้าข่ายภาวะฟองสบู่ที่เกิดจากกระแสเก็งกำไรเป็นหลัก เมื่อใดที่ความสนใจลดลง หรือมีข่าวร้าย กระแสนี้ก็สามารถยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ NFT จำนวนมากไร้มูลค่าได้ในพริบตา เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับสินทรัพย์เก็งกำไรอื่นๆ ในอดีต

  • ความเสี่ยงจากการปั่นราคา (Wash Trading): เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในตลาดที่ขาดการกำกับดูแล บางครั้ง มูลค่าการซื้อขายที่สูงลิ่วของ NFT อาจเกิดจากกลุ่มคนจำนวนน้อย หรือแม้แต่เจ้าของ NFT เอง ที่ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลหลายบัญชี ซื้อขาย NFT ชิ้นเดียวกันวนไปมาในราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างภาพลวงตาว่า NFT ชิ้นนั้นเป็นที่ต้องการและมีมูลค่าสูง ทำให้ผู้ซื้อรายใหม่ที่เข้ามาเข้าใจผิดและยอมซื้อในราคาที่สูงเกินจริง การกระทำนี้อาศัยช่องว่างเรื่องการไม่เปิดเผยตัวตนในโลกคริปโตเคอร์เรนซี

  • ความเสี่ยงจากงานซ้ำหรือลอกเลียนแบบ: แม้ NFT จะยืนยันความเป็นเจ้าของบนบล็อกเชนได้ แต่ไฟล์ดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับ NFT นั้นยังสามารถถูกคัดลอกได้ง่าย ปัญหาคือ มีกรณีที่งานศิลปะเดียวกันถูกนำไปสร้างเป็น NFT หลายครั้งโดยบุคคลที่แตกต่างกัน ทำให้ยากที่จะยืนยันว่า NFT ชิ้นไหนคือ “ต้นฉบับ” ที่แท้จริง หรือมีเรื่องของการนำงานของผู้อื่นไปสร้างเป็น NFT โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสร้างความสับสนและความเสี่ยงให้กับผู้ซื้อ

  • ความเสี่ยงจากการหลอกลวงและแชร์ลูกโซ่: เมื่อมีกระแสและโอกาสการลงทุน ก็ย่อมมีมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามา มีโปรเจกต์ NFT จำนวนไม่น้อยที่เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงหรือแม้แต่แชร์ลูกโซ่ ตัวอย่างที่ถูกกล่าวถึงในข้อมูลคือ โปรเจกต์ MetFi ที่อ้างการลงทุนใน Metaverse และ NFT โดยให้ผลตอบแทนคงที่ และใช้โครงสร้างแบบ “แม่ข่าย-ลูกข่าย” ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนของแชร์ลูกโซ่ โปรเจกต์เหล่านี้มักไม่มีธุรกิจรองรับที่ชัดเจน อาศัยเพียงการระดมทุนจากสมาชิกใหม่มาจ่ายผลตอบแทนให้สมาชิกเก่า และสุดท้ายก็มักจะล่มสลายไปพร้อมกับเงินของนักลงทุน

ความเสี่ยงเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า การลงทุนใน NFT ต้องการการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบ และต้องตระหนักว่าคุณกำลังเข้าสู่ตลาดที่มีความเสี่ยงและช่องโหว่สูง

เมื่อกฎหมายตามไม่ทัน: ปัญหาการกำกับดูแลในตลาด NFT

หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดของตลาด NFT และโลกคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวม คือ การขาดกฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลที่ชัดเจน

ในระบบการเงินแบบดั้งเดิม มีหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ธนาคารกลาง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่คอยตรวจสอบ ควบคุม และคุ้มครองนักลงทุน แต่สำหรับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ยังใหม่และไร้พรมแดนทั่วโลก กฎหมายและข้อบังคับยังไม่สามารถตามทันพัฒนาการที่รวดเร็วได้

สถานการณ์นี้ก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่าง:

  • ความยากในการตรวจสอบและเอาผิด: แม้ว่าธุรกรรมบนบล็อกเชนจะโปร่งใสและตรวจสอบได้ (On Chain) ว่ามีการซื้อขายเกิดขึ้นจริง แต่การติดตามตัวตนจริงของบุคคลที่อยู่เบื้องหลังกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นทำได้ยากในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการใช้กระเป๋าเงินหลายใบ หรือใช้บริการที่ปกปิดตัวตน

  • ช่องโหว่สำหรับการปั่นราคาและการหลอกลวง: เมื่อไม่มีหน่วยงานกลางคอยสอดส่องดูแล การปั่นราคา การสร้างราคาเทียม (Wash Trading) หรือการหลอกลวงรูปแบบต่างๆ จึงเกิดขึ้นได้ง่าย และนักลงทุนที่ตกเป็นเหยื่อก็ยากที่จะหาที่พึ่งหรือเรียกร้องค่าเสียหายตามกฎหมายได้

  • ความไม่ชัดเจนเรื่องสิทธิ์และกรรมสิทธิ์: การซื้อ NFT ส่วนใหญ่หมายถึงการได้มาซึ่ง “กรรมสิทธิ์” ในการเป็นเจ้าของโทเคนเฉพาะบนบล็อกเชน ซึ่งเชื่อมโยงกับไฟล์ดิจิทัลนั้นๆ แต่นั่น ไม่ได้หมายถึงการได้มาซึ่ง “ลิขสิทธิ์” หรือสิทธิ์ในการนำไฟล์นั้นไปใช้ในเชิงพาณิชย์เสมอไป ขอบเขตของสิทธิ์ที่ได้มานั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ผู้สร้างกำหนด ซึ่งอาจมีความซับซ้อนและนักลงทุนต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

การที่ตลาดยังคงอยู่ในพื้นที่สีเทาทางกฎหมายนี้ เป็นความเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนควรตระหนัก การลงทุนใน NFT จึงเหมือนกับการเดินเข้าสู่ดินแดนใหม่ที่ยังไม่มีถนนหนทางหรือกฎจราจรที่ชัดเจน ซึ่งคุณต้องระมัดระวังตัวเองให้มากเป็นพิเศษครับ

NFT Winter: ตลาดในปัจจุบันเป็นอย่างไร?

หากย้อนกลับไปดูข้อมูลล่าสุด เราจะเห็นภาพที่แตกต่างจากช่วงยุคทองอย่างสิ้นเชิงครับ ตลาด NFT ในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่หลายคนเรียกว่า “NFT Winter” หรือ “Floptober” ซึ่งบ่งชี้ถึงความซบเซาอย่างเห็นได้ชัด

ตัวเลขล่าสุดแสดงให้เห็นว่า มูลค่าการซื้อขายรวมในตลาด NFT ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ลดลงถึง 89% จากจุดสูงสุดในช่วงต้นปี 2022 จนถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 นี่เป็นการบ่งชี้ถึงความสนใจและกำลังซื้อที่ลดลงอย่างมาก

คอลเลกชัน NFT ชื่อดังที่เคยมีมูลค่ามหาศาล เช่น Bored Ape Yacht Club ก็มีมูลค่าลดลงอย่างมากเช่นกัน ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ NFT ก็ได้รับผลกระทบ บางบริษัทถึงกับต้องประกาศลดจำนวนพนักงาน เช่น Yuga Labs ซึ่งเป็นผู้สร้าง Bored Ape Yacht Club

สาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะถดถอยนี้ มีหลายปัจจัย:

  • ภาวะตลาดคริปโตโดยรวมเข้าสู่ช่วงขาลง: ตลาด NFT มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับตลาดคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวม ซึ่งกำลังอยู่ในช่วง “ฤดูหนาวคริปโต” (Crypto Winter) ราคาของ Bitcoin และ Ethereum ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในตลาด NFT ลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม

  • กระแสความนิยมลดลง: ความตื่นเต้นและกระแสโหมโรงในช่วงปี 2021 เริ่มลดลง ผู้คนจำนวนมากที่เข้ามาเพราะความหวังในการเก็งกำไรระยะสั้นเริ่มถอนตัวออกไป

  • ความกังวลเรื่องความเสี่ยงและการกำกับดูแล: ปัญหาเรื่องการหลอกลวง การปั่นราคา และการขาดกฎหมายที่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มลังเลที่จะเข้าลงทุนในตลาดนี้

ภาพรวมในปัจจุบันคือ ตลาด NFT ได้ผ่านพ้นช่วงที่ร้อนแรงสุดขีดไปแล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงของการปรับฐานที่รุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนที่สนใจควรต้องรับทราบและทำความเข้าใจเป็นอย่างดีก่อนตัดสินใจใดๆ

มองหาอนาคตของ NFT: จากการเก็งกำไร สู่ประโยชน์ที่จับต้องได้

แม้ตลาด NFT ในปัจจุบันจะอยู่ในภาวะซบเซา แต่ก็มีมุมมองว่านี่อาจเป็นช่วงเวลาของการ “คัดกรอง” และ “พัฒนา” เพื่อหาโมเดลที่ยั่งยืนในระยะยาว

อนาคตของ NFT อาจไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเป็นสินทรัพย์สำหรับเก็งกำไรศิลปะดิจิทัลอีกต่อไป แต่จะพัฒนาไปสู่การมี “ประโยชน์ใช้สอย” (Utility) ที่แท้จริง หรือมีโมเดลธุรกิจที่เชื่อมโยงกับโลกจริงมากขึ้น

ตัวอย่างที่น่าสนใจคือคอลเลกชัน Pudgy Penguins ซึ่งไม่ได้หยุดอยู่แค่การขายภาพโปรไฟล์น่ารักๆ แต่ได้ขยายธุรกิจไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์จับต้องได้ (Physical Products) เช่น ของเล่น ตุ๊กตา ที่เชื่อมโยงกับ NFT ของพวกเขา การทำเช่นนี้ช่วยสร้างมูลค่าที่จับต้องได้ให้กับผู้ถือครอง NFT นอกเหนือจากการเก็งกำไรในตลาดรอง

อนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัล

นอกจากนี้ NFT อาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบอื่นๆ ที่สร้างประโยชน์จริง เช่น:

  • Membership หรือสิทธิ์พิเศษ: NFT สามารถใช้เป็นบัตรสมาชิก (Membership) ที่มอบสิทธิ์พิเศษต่างๆ ให้กับผู้ถือ เช่น การเข้าถึงกิจกรรมส่วนตัว ส่วนลดสินค้า หรือการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของโปรเจกต์ (ผ่านรูปแบบ DAO)

  • ไอเทมในเกม (In-game Assets): NFT เป็นเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างไอเทมในเกมที่คุณเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริง สามารถนำไปซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือนำไปใช้ในเกมอื่นๆ ที่รองรับได้

  • การยืนยันตัวตนหรือเอกสารสำคัญ: ในอนาคต NFT อาจถูกนำไปใช้ในการยืนยันตัวตนในโลกออนไลน์ หรือแม้แต่การออกเอกสารสำคัญรูปแบบดิจิทัลที่ตรวจสอบได้บนบล็อกเชน เช่น โฉนดที่ดินดิจิทัล ใบรับรองวุฒิการศึกษา หรือใบอนุญาตต่างๆ ซึ่งหากภาครัฐหรือองค์กรที่น่าเชื่อถือเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือและความมั่นคงทางกฎหมายให้กับ NFT ได้

นักลงทุนบางส่วนยังคงมองว่าช่วงตลาดขาลงนี้เป็น โอกาสในการเข้าซื้อ (Buy the Dip) NFT คุณภาพดีในราคาที่ลดลง เพื่อหวังผลในระยะยาว หากตลาดกลับมาเติบโตอีกครั้งในรูปแบบที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนี้ก็ยังคงมีความเสี่ยงสูง และต้องการวิสัยทัศน์ในการคัดเลือกโปรเจกต์ที่มีศักยภาพ

ถึงกระนั้น ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าตลาด NFT จะสามารถกลับมาเติบโตและมีบทบาทสำคัญเทียบเท่ากับตลาดสกุลเงินดิจิทัลแบบดั้งเดิมได้หรือไม่ มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ

เริ่มต้นลงทุน NFT อย่างไรให้ปลอดภัย: ข้อควรรู้ก่อนเข้าสู่ตลาด

หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้และยังสนใจที่จะลองลงทุนใน NFT เรามีข้อแนะนำและขั้นตอนเบื้องต้นที่คุณควรรู้ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จครับ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เหมือนกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ อย่าลงทุนตามกระแสหรือเพียงเพราะเห็นคนอื่นทำกำไรได้

ขั้นตอนพื้นฐานในการเริ่มต้น:

  1. เลือก Marketplace: คุณต้องเลือกแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขาย NFT มีหลายแห่ง เช่น OpenSea (ใหญ่ที่สุด), Nifty Gateway (เน้นงานศิลปะคุณภาพ), Rarible, Foundation แต่ละแพลตฟอร์มอาจเน้น NFT ประเภทต่างกัน และรองรับบล็อกเชนที่แตกต่างกัน

  2. มีกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet): คุณต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัลที่รองรับ NFT และบล็อกเชนที่คุณเลือก เช่น Metamask (สำหรับ Ethereum และบล็อกเชนที่เข้ากันได้), Phantom (สำหรับ Solana)

  3. เตรียมสกุลเงินดิจิทัล: NFT ส่วนใหญ่ยังคงซื้อขายด้วย Ethereum (ETH) เป็นหลัก แต่บางแพลตฟอร์มหรือบล็อกเชนอาจใช้สกุลเงินอื่น เช่น SOL, BNB คุณต้องมีเหรียญเหล่านี้อยู่ในกระเป๋าเงินของคุณ โดยอาจจะต้องซื้อจากศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) ก่อน

  4. เชื่อมกระเป๋าเงินกับ Marketplace: เมื่อมีกระเป๋าเงินและเหรียญแล้ว คุณต้องเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของคุณเข้ากับแพลตฟอร์ม NFT ที่เลือก

  5. เริ่มซื้อขาย: คุณสามารถเริ่มเลือกดู NFT ที่สนใจและทำการซื้อขายได้ตามขั้นตอนบนแพลตฟอร์ม

ข้อควรรู้เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อ:

  • ตรวจสอบข้อมูลผู้สร้าง (Creator): โปรเจกต์หรือศิลปินที่น่าเชื่อถือ มักจะมีประวัติ มีผลงานที่ผ่านมา และมีชุมชนผู้ติดตามที่แข็งแกร่ง ลองค้นหาข้อมูลของพวกเขาใน Twitter, Discord หรือเว็บไซต์ส่วนตัว

  • พิจารณาความหายากและคุณสมบัติ: มูลค่าของ NFT มักจะขึ้นอยู่กับความหายาก (Rarity) และคุณสมบัติเฉพาะ (Traits) บางอย่างที่ทำให้มันแตกต่างจาก NFT อื่นๆ ในคอลเลกชันเดียวกัน เครื่องมือวิเคราะห์ความหายากมีให้ใช้บนบางแพลตฟอร์ม

  • ทำความเข้าใจขอบเขตของกรรมสิทธิ์: ตรวจสอบเงื่อนไขที่ผู้สร้างกำหนดไว้ว่า การซื้อ NFT นั้นให้สิทธิ์อะไรกับคุณบ้าง นอกจากการเป็นเจ้าของโทเคน คุณมีสิทธิ์นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือไม่ เงื่อนไขเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง

  • ยอมรับความเสี่ยง: การลงทุนใน NFT มีความเสี่ยงสูงมาก คุณต้องยอมรับว่าเงินที่คุณลงทุนไปนั้นมีโอกาสที่จะลดลงจนไร้มูลค่าได้ทั้งหมด

สรุป: NFT เหมาะกับใคร และต้องเตรียมตัวอย่างไร

NFT เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวงการศิลปะ ของสะสม และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย แต่ขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความเสี่ยง ความซับซ้อน และความไม่แน่นอนที่สูงลิ่ว

จากภาพรวมตลาดในปัจจุบันที่อยู่ในช่วงขาลงอย่างชัดเจน เราจะเห็นได้ว่า NFT ไม่ใช่ช่องทางทำกำไรระยะสั้นที่ง่ายดายอีกต่อไป และอาจไม่เคยเป็นเช่นนั้นเลยสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่

NFT เหมาะกับใคร?

  • นักสะสม: ผู้ที่ซื้อ NFT เพราะความชื่นชอบในผลงาน ศิลปิน หรือชุมชนที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ได้มองว่าเป็นเพียงการลงทุนที่ต้องทำกำไรเท่านั้น

  • นักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างลึกซึ้ง: ผู้ที่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มตลาด คัดเลือกโปรเจกต์ที่มีศักยภาพ และยอมรับความเสี่ยงที่สูงมากได้

  • ผู้ที่สนใจเทคโนโลยีและนวัตกรรม: ผู้ที่ต้องการทดลองและเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล โดยใช้เงินจำนวนน้อยที่พร้อมจะสูญเสียได้

สิ่งที่คุณต้องเตรียมตัวก่อนลงทุน NFT:

  • ความรู้: ศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ ทำความเข้าใจเทคโนโลยี ตลาด ความเสี่ยง และโปรเจกต์ที่คุณสนใจ

  • เงินเย็น: ใช้เงินที่คุณพร้อมจะสูญเสียได้ทั้งหมดเท่านั้น อย่าใช้เงินที่จำเป็นต่อชีวิต หรือเงินกู้ยืม

  • ความอดทน: ตลาด NFT มีความผันผวนสูง การลงทุนอาจต้องใช้ระยะเวลา และไม่มีอะไรรับประกันผลตอบแทน

  • การบริหารความเสี่ยง: กระจายความเสี่ยง ไม่ทุ่มเงินทั้งหมดไปกับ NFT เพียงอย่างเดียว หรือกับโปรเจกต์เดียว

โดยสรุป การลงทุนใน NFT ยังคงเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทายและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เหมือนที่เราได้สำรวจกันมา การทำความเข้าใจความเสี่ยง การศึกษาข้อมูลอย่างถ่องแท้ และการลงทุนด้วยเงินที่คุณยอมรับความสูญเสียได้ คือกุญแจสำคัญในการอยู่รอดในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่เหมือนใครนี้ครับ ขอให้คุณโชคดีกับการตัดสินใจลงทุนของคุณ!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับลงทุน nft

Q:NFT คืออะไร?

A:NFT คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการยืนยันความเป็นเจ้าของ

Q:การลงทุนใน NFT มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

A:การลงทุนใน NFT มีความเสี่ยงสูง รวมถึงความผันผวนของราคา ความเสี่ยงจากการปั่นราคา และความเสี่ยงจากการหลอกลวง

Q:ทำไม NFT ถึงได้รับความนิยม?

A:NFT ได้รับความนิยมเพราะศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับศิลปินและครีเอเตอร์ การเข้าถึงตลาดที่กว้างขวางและการสนับสนุนจากบุคคลที่มีชื่อเสียง

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *