บทนำ: เทรด Forex คืออะไร? ทำไมคนไทยถึงสนใจ?
Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ถือเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึงหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนสามารถเก็งกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD, GBP/JPY หรือแม้แต่คู่เงินที่เกี่ยวข้องกับเงินบาท (THB) ก็ตาม

คนไทยหันมาสนใจการเทรด Forex กันมากขึ้น ด้วยเหตุผลหลายประการที่ชัดเจน เช่น โอกาสในการสร้างกำไรได้สูง โดยเฉพาะเมื่อใช้เครื่องมืออย่าง Leverage ที่ช่วยให้ทุนน้อยสามารถควบคุมการซื้อขายมูลค่าสูงได้ นอกจากนี้ ความสะดวกในการเข้าถึงยังเป็นจุดเด่น เพราะสามารถเทรดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ จากทุกมุมโลกที่มีอินเทอร์เน็ต ทำให้เหมาะสำหรับคนที่อยากมีรายได้เสริม หรือแม้แต่เปลี่ยนมาเป็นอาชีพหลัก อย่างไรก็ตาม โอกาสเหล่านี้มาพร้อมความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้าม ดังนั้น การศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนเริ่มลงทุนจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด
ข้อดีของการเทรด Forex: โอกาสทำกำไรที่น่าดึงดูด
การเทรด Forex ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก รวมถึงในไทย ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายด้าน ทำให้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่มองหาการลงทุนที่ยืดหยุ่นและมีศักยภาพสูง

ตลาดเปิด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ
ข้อดีหลักที่ทำให้ Forex แตกต่างคือการซื้อขายที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ตลอด 24 ชั่วโมงในวันจันทร์ถึงศุกร์ โดยเริ่มต้นจากตลาดเอเชียอย่างออสเตรเลีย ต่อด้วยยุโรป และปิดท้ายที่อเมริกาเหนือ ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้นักเทรดปรับตัวได้ง่าย ไม่ว่าจะอยู่ในโซนเวลาไหนหรือมีตารางงานแบบใด ก็สามารถวิเคราะห์และส่งคำสั่งซื้อขายได้ตามสะดวก โดยไม่ต้องรอเวลาตลาดเปิดปิดเหมือนหุ้น
สภาพคล่องสูง
ด้วยปริมาณการซื้อขายมหาศาล ตลาด Forex จึงมีสภาพคล่องที่เหนือชั้น นักเทรดสามารถเปิดหรือปิดตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ค่อยเจอปัญหาการจับคู่คำสั่งล่าช้าหรือราคาที่คลาดเคลื่อนมากนัก สิ่งนี้ช่วยให้การเทรดดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชอบเทรดระยะสั้นและต้องการความคล่องตัวสูง
ใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อย (ด้วย Leverage)

ผู้เริ่มต้นไม่จำเป็นต้องมีทุนหนาเพื่อเข้าสู่ตลาด Forex เพราะโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ให้ Leverage หรืออัตราทดที่สูง เช่น 1:500 ซึ่งหมายถึงทุน 1 ดอลลาร์สามารถควบคุมการซื้อขายมูลค่า 500 ดอลลาร์ได้ ฟีเจอร์นี้เปิดประตูให้คนทุนน้อยมีโอกาสทำกำไรใหญ่ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เพิ่มความเสี่ยงให้ขาดทุนหนักได้เช่นกัน หากไม่มีการวางแผนที่ดี
โอกาสทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ Forex น่าลงทุนคือความสามารถในการทำกำไรไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง นักเทรดสามารถเลือก “ซื้อ” เมื่อคาดว่าราคาจะขึ้น หรือ “ขาย” เมื่อคาดว่าราคาจะลง กลไกสองทิศทางนี้แตกต่างจากตลาดหุ้นที่มักทำกำไรได้ดีเฉพาะช่วงขาขึ้น ทำให้ Forex เหมาะกับทุกสภาวะเศรษฐกิจ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้เทรด
ข้อเสียและความเสี่ยงของการเทรด Forex: ด้านมืดที่ต้องระวัง
ถึงแม้ Forex จะเต็มไปด้วยโอกาส แต่ความเสี่ยงที่ตามมาก็สูงไม่แพ้กัน นักลงทุน โดยเฉพาะมือใหม่ ควรศึกษาถึงข้อเสียเหล่านี้ให้เข้าใจลึกซึ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ความเสี่ยงสูงจาก Leverage
Leverage ที่ช่วยขยายโอกาส ก็เป็นดาบสองคมที่อาจนำไปสู่ความสูญเสียรุนแรง หากตลาดเคลื่อนไหวตรงข้ามกับที่คาด เพียงไม่กี่พอยต์ก็อาจทำให้บัญชีขาดทุนหมดตัว ส่งผลให้เกิด Margin Call หรือ Stop Out ได้ การใช้ Leverage ให้เหมาะสมและมีกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงจึงเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องทุน
ความผันผวนของตลาด
ตลาด Forex เต็มไปด้วยความผันผวนที่รุนแรง ราคาสกุลเงินอาจพลิกผันอย่างรวดเร็วจากข่าวเศรษฐกิจใหญ่ การปรับดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เหตุการณ์การเมือง หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ทำให้การพยากรณ์ทิศทางราคาไม่ง่ายนัก ต้องอาศัยความรู้ทั้งด้านพื้นฐานและเทคนิค หากขาดประสบการณ์ การตัดสินใจผิดพลาดครั้งเดียวอาจนำพาความเสียหายครั้งใหญ่
ปัญหาโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือและกลโกง
ในไทยที่ยังขาดกฎระเบียบเฉพาะสำหรับโบรกเกอร์ Forex ทำให้มีทั้งผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือและหลอกลวงปะปนกัน นักลงทุนเสี่ยงถูกโกง เช่น ถอนเงินไม่ได้ แพลตฟอร์มปรับราคา หรือโบรกเกอร์หายตัวไปพร้อมทุน การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานระดับโลกอย่าง FCA, CySEC, ASIC หรือ NFA พร้อมประวัติที่ดี จึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้เพื่อความปลอดภัย
ความท้าทายทางจิตวิทยา
การเทรด Forex มักเป็นการต่อกรกับตัวเองมากกว่าตลาด ความโลภเมื่อกำไรพุ่งหรือความกลัวเมื่อขาดทุน อาจทำให้หลุดจากแผนที่วางไว้ การควบคุมอารมณ์ วินัยในการยึดแผน และยอมรับว่าขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของเกม เป็นสิ่งที่นักเทรดไทยต้องฝึกฝน โดยเฉพาะเมื่อหลายคนหวังรวยเร็ว ต้องตระหนักว่า Forex ต้องการความอดทนและการเรียนรู้ต่อเนื่อง ไม่ใช่ทางลัดสู่ความมั่งคั่ง
เทรด Forex vs. การลงทุนอื่น ๆ: เปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจ
เพื่อช่วยให้เลือกทางที่เหมาะสม การเปรียบเทียบ Forex กับการลงทุนอื่นๆ จะทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ว่ามันตรงกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่คุณรับไหวหรือไม่
Forex vs. หุ้น
- ตลาด: Forex เน้นแลกเปลี่ยนสกุลเงินระดับโลก ส่วนหุ้นคือการถือครองส่วนแบ่งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
- เวลาทำการ: Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วัน หุ้นจำกัดตามเวลาตลาดแต่ละประเทศ
- สภาพคล่อง: Forex สูงกว่าหุ้นส่วนใหญ่ ทำให้เข้าออกตำแหน่งได้คล่องตัวกว่า
- Leverage: Forex ให้อัตราทดสูงกว่ามาก ส่งผลให้กำไรหรือขาดทุนเกิดเร็ว
- การวิเคราะห์: Forex อาศัยปัจจัยเศรษฐกิจโลกและข่าว หุ้นเน้นพื้นฐานบริษัทและอุตสาหกรรม
Forex vs. กองทุนรวม
- การบริหารจัดการ: Forex ต้องเทรดด้วยตัวเองแบบแอคทีฟ ส่วนกองทุนรวมมอบให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลแบบพาสซีฟ
- ความเสี่ยง: Forex เสี่ยงสูง กองทุนรวมกระจายความเสี่ยงไปหลายสินทรัพย์
- ผลตอบแทน: Forex มีโอกาสสูงแต่ผันผวน กองทุนรวมให้ผลตอบแทนมั่นคงปานกลาง
- ความรู้: Forex ต้องการทักษะสูง กองทุนรวมเหมาะกับคนไม่มีเวลาศึกษา สามารถลงทุนผ่านธนาคารชั้นนำเช่น ธนาคารกสิกรไทย (Kasikorn Bank) หรือ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
Forex vs. ทองคำ
- ลักษณะสินทรัพย์: Forex คือคู่สกุลเงิน ทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มองเป็นที่หลบภัย
- การเคลื่อนไหว: ทองคำมักสวนทางดอลลาร์และรับผลจากความไม่แน่นอนโลก Forex ขึ้นกับปัจจัยเฉพาะประเทศ
- วัตถุประสงค์: ทองคำใช้รักษามูลค่าและป้องกันเงินเฟ้อ Forex เน้นเก็งกำไรระยะสั้น-กลาง
- Leverage: เทรดทองคำใน Forex ก็ใช้ Leverage ได้ เพิ่มโอกาสและความเสี่ยงเช่นเดียวกับคู่เงิน
สิ่งที่คนไทยต้องรู้ก่อนเริ่มเทรด Forex: กฎหมาย ภาษี และโบรกเกอร์ที่ปลอดภัย
สำหรับคนไทยที่อยากลองเทรด Forex มีเรื่องสำคัญที่ต้องรู้ให้ชัดเจน โดยเฉพาะด้านกฎหมายและการจัดการที่แตกต่างจากตลาดอื่น
กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศไทย
ไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับโบรกเกอร์ Forex ทำให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. หรือ SEC Thailand) ออกคำเตือนต่อเนื่องเกี่ยวกับความเสี่ยง เนื่องจากไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายไทย หากมีปัญหา ก.ล.ต. เน้นย้ำความเสี่ยงจากสินทรัพย์ที่ไม่ได้รับกำกับดูแล แต่การเทรดส่วนตัวผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศไม่ผิดกฎหมาย ขอให้เลือกผู้ให้บริการที่อยู่ภายใต้หน่วยงานสากลมาตรฐาน เช่น FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส), ASIC (ออสเตรเลีย) หรือ NFA (สหรัฐอเมริกา) ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลเสถียรภาพเงินบาทโดยรวม แต่ไม่เข้าไปกำกับการเทรดโดยตรง
ภาษีการเทรด Forex ในประเทศไทย
กำไรจาก Forex จัดเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ซ) ประมวลรัษฎากร ในฐานะเงินได้จากการลงทุน ต้องนำมารวมคำนวณภาษีบุคคลธรรมดาอัตราก้าวหน้าสูงสุด 35% ผู้เทรดต้องยื่น ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 และชำระให้ถูกต้อง การเก็บหลักฐานธุรกรรมและกำไร-ขาดทุนละเอียดเป็นสิ่งจำเป็น เช่น กำไรสุทธิ 100,000 บาท ต้องรวมกับรายได้อื่นเพื่อคำนวณภาษี ดูข้อมูลเพิ่มจากกรมสรรพากร
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือสำหรับคนไทย
การเลือกโบรกเกอร์คือก้าวแรกที่สำคัญสำหรับนักเทรดไทย ควรพิจารณาปัจจัยหลักดังนี้
- การกำกับดูแล: ต้องมีใบอนุญาตจากหน่วยงานโลกชั้นนำ เพื่อคุ้มครองเงินทุน
- แพลตฟอร์มการซื้อขาย: เลือกที่เสถียรและใช้งานง่าย เช่น MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด
- ค่าธรรมเนียมและสเปรด: เปรียบเทียบส่วนต่างราคาและค่าคอม เพื่อลดต้นทุน
- การฝาก-ถอนเงิน: ตรวจสอบช่องทางที่สะดวกสำหรับไทย เช่น โอนผ่านธนาคารหรือ E-Wallet และเวลาดำเนินการ
- บริการลูกค้า: ควรมีทีมที่สื่อสารภาษาไทยได้ และตอบสนองรวดเร็ว
การฝาก-ถอนเงิน: ช่องทางและความปลอดภัย
เรื่องฝากถอนเป็นความกังวลหลักของนักเทรดไทย โบรกเกอร์ต่างประเทศมักให้ตัวเลือกหลากหลาย เช่น Wire Transfer, บัตรเครดิต, หรือ E-Wallet อย่าง Skrill, Neteller บางแห่งรองรับโอนตรงจากธนาคารไทยเพื่อความสะดวกและลดค่าธรรมเนียม
ต้องตรวจสอบความปลอดภัยของช่องทางเหล่านี้ เลือกโบรกเกอร์ที่มีธุรกรรมโปร่งใสและรวดเร็ว ขั้นตอน KYC เพื่อยืนยันตัวตนเป็นมาตรฐานป้องกันฟอกเงิน และให้แน่ใจว่าเงินทุนเก็บในบัญชีแยก (Segregated Account) เพื่อปกป้องหากโบรกเกอร์มีปัญหา
ประสบการณ์จริงจากนักเทรดไทย: เรื่องเล่าจาก Pantip และบทเรียนที่ได้
Pantip.com เป็นแหล่งรวมเรื่องราวจริงจากนักเทรดไทย ทั้งความสำเร็จและความพ่ายแพ้ ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของตลาด Forex ในมุมมองคนไทยได้ชัดเจน
เรื่องราวความสำเร็จ: เป็นไปได้จริงหรือไม่?
ใน Pantip มีกระทู้มากมายที่แบ่งปันเรื่องราวทำกำไรจาก Forex ได้จริง ตั้งแต่รายได้เสริมจนถึงอาชีพเต็มตัว ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักย้ำว่ามีคนรวยจาก Forex จริง แต่ต้องแลกด้วยการศึกษาจริงจัง การฝึกฝน วินัย และการจัดการความเสี่ยง พวกเขาพูดถึงการเรียนจากความผิดพลาด การสร้างกลยุทธ์ และควบคุมอารมณ์ ไม่ใช่แค่โชค แต่เป็นผลจากความทุ่มเท
บทเรียนจากความล้มเหลว: หมดตัวเพราะ Forex?
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวล้มเหลวหรือหมดตัวจาก Forex ก็มีไม่น้อย สาเหตุหลักคือขาดความรู้ ใช้ Leverage สูงโดยไม่บริหารเสี่ยง เทรดด้วยอารมณ์ เช่น โลภอยากกำไรมากหรือกลัวจนไม่ยอมตัดขาดทุน และพยายามเอาคืนตลาด สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนเตือนใจว่าตลาด Forex ท้าทาย และความสำเร็จต้องมาพร้อมการเตรียมตัว
ปัจจัยสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
จากประสบการณ์ใน Pantip ทั้งบวกและลบ สามารถสรุปปัจจัยหลักสู่ความสำเร็จยั่งยืนได้ดังนี้
- การศึกษาและเรียนรู้: เข้าใจพื้นฐาน Forex การวิเคราะห์เทคนิคและปัจจัยพื้นฐานให้ลึก
- การบริหารจัดการความเสี่ยง: กำหนดขนาดเทรดเหมาะสม หลีกเลี่ยง Leverage สูง และตั้ง Stop Loss เสมอ
- วินัยและจิตวิทยาการเทรด: ควบคุมอารมณ์และยึดแผนอย่างเคร่งครัด
- การวางแผนการเทรด: มีกลยุทธ์ชัดเจน รวมจุดเข้า ออก และตัดขาดทุน
- การฝึกฝน: เริ่มจากบัญชี Demo เพื่อสะสมประสบการณ์ก่อนลงเงินจริง
ในชุมชนออนไลน์ไทย ต้องแยกแยะคำแนะนำจริงจากโฆษณาเกินจริง ใช้ข้อมูลจากแหล่งน่าเชื่อถือและดุลยพินิจส่วนตัว
สรุป: เทรด Forex ดีไหม? คำตอบอยู่ที่การเตรียมพร้อมของคุณ
คำถามว่าเทรด Forex ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง Forex มีทั้งโอกาสกำไรสูงและความเสี่ยงสูงในคราวเดียวกัน มันสามารถนำไปสู่ความมั่งคั่งหากมีองค์ความรู้และการจัดการที่ดี แต่ก็อาจทำให้เสียหายหนักหากขาดการเตรียมตัว
สำหรับคนไทยที่สนใจ ควรศึกษาทุกด้าน รวมถึงกฎหมาย ภาษี โบรกเกอร์เชื่อถือได้ และเน้นบริหารความเสี่ยงกับจิตใจ Forex ไม่ใช่ทางรวยเร็ว แต่เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง หากคุณพร้อมรับมือ มันอาจเป็นโอกาสลงทุนที่น่าลอง
1. เทรด Forex เริ่มต้นใช้เงินเท่าไหร่ และมีขั้นต่ำหรือไม่?
เงินทุนเริ่มต้นสำหรับเทรด Forex แตกต่างตามโบรกเกอร์ บางแห่งเปิดบัญชีได้ด้วย $10 หรือ $100 (ราว 300-3,500 บาท) ซึ่งเข้าถึงง่าย แต่ควรมีทุนพอสำหรับจัดการความเสี่ยง แนะนำเริ่มด้วยจำนวนที่เสียได้โดยไม่กระทบชีวิตประจำวัน
2. เทรด Forex ถูกกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่? หน่วยงานไหนกำกับดูแล?
ไทยยังไม่มีกฎหมายกำกับโบรกเกอร์ Forex โดยตรง การชักชวนลงทุนในประเทศจึงผิดกฎหมายตาม ก.ล.ต. แต่บุคคลเทรดผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ได้รับกำกับดูแลสากลไม่ผิด หน่วยงานเช่น FCA (สหราชอาณาจักร), CySEC (ไซปรัส) หรือ ASIC (ออสเตรเลีย) ดูแลความปลอดภัยและโปร่งใส
3. ถ้าเทรด Forex ได้กำไร ต้องเสียภาษีอย่างไรในไทย?
กำไรจาก Forex เป็นเงินได้พึงประเมิน ต้องนำมารวมคำนวณภาษีบุคคลธรรมดาอัตราก้าวหน้า ยื่น ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 และชำระให้ถูกต้อง การเก็บหลักฐานธุรกรรมและกำไร-ขาดทุนช่วยในการยื่นภาษี
4. มีคนรวยจากการเทรด Forex ในไทยจริงไหม? หรือเป็นแค่โฆษณาชวนเชื่อ?
มีคนไทยที่ทำกำไรและประสบความสำเร็จจาก Forex จริง แต่พวกเขาผ่านการเรียนรู้ ฝึกฝน และวินัยสูง เรื่องรวยเร็วชั่วข้ามคืนมักเป็นโฆษณาเกินจริง Forex เป็นทักษะที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม ไม่ใช่ทางลัด
5. เลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือสำหรับคนไทยได้อย่างไร?
เลือกโบรกเกอร์ที่กำกับดูแลโดยหน่วยงานสากลชั้นนำ เช่น FCA, CySEC, ASIC มีแพลตฟอร์มเสถียรอย่าง MetaTrader 4/5 ช่องทางฝาก-ถอนสะดวกสำหรับไทย ค่าสเปรดและค่าธรรมเนียมสมเหตุสมผล และบริการลูกค้าดีเยี่ยม
6. เทรด Forex เหมือนการพนันหรือไม่? แตกต่างกันอย่างไร?
Forex ไม่ใช่พนันเพราะอาศัยการวิเคราะห์เศรษฐกิจ การเมือง และเทคนิคเพื่อพยากรณ์ราคา ส่วนพนันขึ้นกับโชค แต่หากเทรดโดยขาดความรู้ วินัย และใช้แต่ emoticon ก็อาจกลายเป็นพนันได้
7. หมดตัวเพราะ Forex เกิดจากอะไร? มีวิธีป้องกันไหม?
หมดตัวมักจาก Leverage สูง ขาดความรู้ ไม่บริหารเสี่ยง เทรดด้วยอารมณ์ และไม่ตัดขาดทุน ป้องกันโดยศึกษาดี ใช้ Leverage เหมาะสม ตั้ง Stop Loss วินัยสูง และเทรดด้วยเงินที่เสียได้
8. ควรใช้บัญชี Demo หรือ Real Account ก่อนดี?
มือใหม่ ควรเริ่มด้วยบัญชี Demo เสมอ เพื่อฝึกเทรด เข้าใจแพลตฟอร์ม ทดสอบกลยุทธ์โดยไม่เสี่ยงเงินจริง สร้างความมั่นใจก่อนเปลี่ยนไป Real Account
9. เทรด Forex ทองคำ หรือน้ำมัน แตกต่างจากคู่เงินอย่างไร? เสียภาษีต่างกันไหม?
เทรดทองคำ (XAU/USD) หรือน้ำมัน (Crude Oil) ใน Forex เป็น CFD อ้างอิงราคาสินค้าจริง แตกต่างจากคู่เงินตรงปัจจัยราคา (เช่น อุปสงค์-อุปทาน) แต่กลไกและ Leverage คล้ายกัน ภาษีกำไรจาก CFD จัดเป็นเงินได้พึงประเมินเหมือนคู่เงิน ต้องเสียภาษีแบบเดียวกัน
10. ถ้าถูกโกงจากการเทรด Forex ในไทย สามารถแจ้งความได้ที่ไหน?
หากถูกโกง รวบรวมหลักฐานแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ หรือกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แม้ ก.ล.ต. ไม่ดำเนินคดีโบรกเกอร์ต่างประเทศโดยตรง แต่การแจ้งช่วยให้เจ้าหน้าที่สืบสวนได้