Forex Factory คืออะไร? เหตุใดจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักเทรดทุกคน
ในโลกของการเทรดตลาดฟอเร็กซ์ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือเป็นนักเทรดมากประสบการณ์ การมีเครื่องมือที่ให้ข้อมูลแม่นยำทันเวลาถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ หนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดในระดับสากลคือ Forex Factory — เว็บไซต์ที่ไม่ใช่แค่แหล่งรวมข้อมูล แต่ยังเปรียบเสมือน “ห้องควบคุม” ที่นักเทรดต้องเข้าตรวจสอบทุกวันก่อนเริ่มกิจกรรมการซื้อขาย
Forex Factory เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมข่าวสาร เครื่องมือวิเคราะห์ และข้อมูลเศรษฐกิจอย่างครบวงจร โดยจุดเด่นที่ทำให้เว็บนี้โดดเด่นคือ “ปฏิทินข่าวเศรษฐกิจ” หรือ Economic Calendar ที่แสดงกำหนดการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจากทั่วโลกแบบเรียลไทม์ นักเทรดที่เข้าใจและใช้งานปฏิทินนี้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถคาดการณ์ความผันผวนของตลาด วางแผนการเข้า-ออกออเดอร์ และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมืออาชีพ เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อทิศทางของสกุลเงินในตลาด
โดยสรุป จุดแข็งหลักของ Forex Factory คือการให้ข้อมูลที่แม่นยำ รวดเร็ว และฟรี ซึ่งช่วยเปิดมุมมองให้กับนักเทรดในเรื่องปัจจัยพื้นฐาน และทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลสนับสนุน นี่คือข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อเทียบกับการเทรดด้วยอารมณ์หรือเพียงแค่ทายทิศทาง

วิธีตั้งค่า Forex Factory ให้แสดงเวลาไทย (GMT+7) อย่างถูกต้อง
นักเทรดชาวไทยหลายคนมักจะสับสนในช่วงแรกเมื่อเข้าใช้งาน Forex Factory เพราะเวลาที่แสดงบนหน้าปฏิทินจะอยู่ในรูปแบบ GMT ซึ่งไม่ตรงกับเวลาประเทศไทย ทำให้เกิดความเสี่ยงที่อาจพลาดข่าวสำคัญหรือเตรียมตัวผิดช่วงเวลา การตั้งค่าให้สอดคล้องกับโซนเวลาท้องถิ่นจึงเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยทำได้ไม่ยุ่งยาก ดังนี้
- คลิกที่ตัวเลขแสดงเวลา ที่มุมขวาบนของเว็บไซต์ ซึ่งจะเห็นเวลาปัจจุบันอยู่ — การคลิกที่นี่จะเปิดหน้าต่างตั้งค่า
- เลือกช่อง “Time Zone” แล้วเปิดเมนูดรอปดาวน์เพื่อค้นหาระบบโซนเวลา
- หาโซนเวลา (GMT+7:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วคลิกเลือก ซึ่งตรงกับเขตเวลาของประเทศไทย
- กด “Save Settings” เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง
เพียงเท่านี้ เวลาที่แสดงบนปฏิทินทั้งหมดก็จะปรับเป็นเวลาประเทศไทยโดยอัตโนมัติ ควรตรวจสอบอีกครั้งว่าเวลามุมขวาบนตรงกับนาฬิกาของคุณหรือไม่ วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่พลาดช่วงเวลาประกาศข่าวสำคัญ และสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
สอนอ่านปฏิทินข่าว Forex Factory สำหรับมือใหม่ แบบละเอียดทีละส่วน
หลังจากตั้งค่าเวลาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนรู้วิธีอ่านและตีความข้อมูลในปฏิทิน แม้หน้าตาจะดูมีข้อมูลแน่น แต่เมื่อเข้าใจโครงสร้างอย่างถ่องแท้ ก็สามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว
ความหมายของสีบอกระดับผลกระทบ (Impact)
หนึ่งในสิ่งที่สังเกตได้ชัดที่สุดคือการใช้สีเพื่อบ่งบอกถึงระดับความสำคัญของข่าว ซึ่งช่วยให้นักเทรดเร่งความสนใจกับเหตุการณ์ที่อาจส่งผลรุนแรงต่อตลาด โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับหลัก
- สีแดง (High Impact) — หมายถึงข่าวสำคัญระดับสูงสุด ที่คาดว่าจะกระตุ้นความผันผวนในตลาดอย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง เช่น FED, ECB หรือ ตัวเลข Non-Farm Payrolls และ CPI จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมักเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของค่าเงิน
- สีส้ม (Medium Impact) — ข่าวที่มีอิทธิพลในระดับปานกลาง อาจทำให้ตลาดเคลื่อนไหวบ้าง แต่ไม่รุนแรงเท่ากลุ่มสีแดง เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค หรือยอดค้าปลีก (Retail Sales)
- สีเหลือง (Low Impact) — ข่าวที่มีนัยสำคัญต่ำ มักไม่ส่งผลต่อทิศทางตลาดมากนัก นักเทรดส่วนใหญ่จะเลือกกรองออกเพื่อลดความซับซ้อนของข้อมูล
ความหมายของแต่ละคอลัมน์ในปฏิทิน
แต่ละแถวในปฏิทินแสดงข้อมูลที่มีความหมายเฉพาะเจาะจง ดังนี้
- Date — วันที่ที่จะมีการประกาศข่าว
- Time — เวลาที่กำหนดไว้สำหรับการประกาศข่าว (ตามที่คุณตั้งค่าไว้)
- Currency — สกุลเงินที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น USD, EUR, GBP หรือ JPY
- Event — ชื่อของเหตุการณ์หรือตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่จะประกาศ เช่น “Core CPI m/m” หรือ “Bank of England Interest Rate Decision”
- Actual — ตัวเลขจริงที่ประกาศออกมาในช่วงเวลานั้น ซึ่งจะปรากฏหลังการประกาศ
- Forecast — ค่าคาดการณ์เฉลี่ยจากนักวิเคราะห์ต่าง ๆ ที่ตลาดใช้เป็นตัวอ้างอิง
- Previous — ตัวเลขจากช่วงก่อนหน้า ใช้เพื่อดูแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงเมื่อเปรียบเทียบ
การใช้ฟีเจอร์ตัวกรอง (Filter) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
เนื่องจากข้อมูลในปฏิทินมีจำนวนมาก นักเทรดสามารถใช้เครื่องมือ “Filter” ที่อยู่ใกล้กับตัวเลขเวลา เพื่อปรับแต่งให้แสดงเฉพาะข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งมีประโยชน์มากในการโฟกัสข้อมูลสำคัญ
- กรองตามระดับผลกระทบ — เลือกแสดงเฉพาะข่าวสีแดงและสีส้ม เพื่อตัดข่าวที่ไม่จำเป็นออก
- กรองตามสกุลเงิน — ถ้าคุณเทรดคู่เงิน EUR/USD ก็สามารถเลือกดูเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับ EUR และ USD เท่านั้น
- กรองตามประเภทเหตุการณ์ — เช่น เลือกเฉพาะข่าวด้านการจ้างงาน (Employment) หรือเงินเฟ้อ (Inflation) เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกในหัวข้อเดียว
การใช้ตัวกรองจะช่วยลดสิ่งรบกวน ทำให้คุณมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจน และตัดสินใจได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันที่มีข่าวออกพร้อมกันหลายตัว

เทคนิควิเคราะห์ข่าวจาก Forex Factory เพื่อใช้ในการเทรดจริง
การดูข้อมูลเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ นักเทรดจำเป็นต้องตีความและวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล โดยหลักการพื้นฐานคือการเปรียบเทียบตัวเลข Actual, Forecast และ Previous เพื่อหาสัญญาณทิศทางของตลาด
วิธีการวิเคราะห์มีอยู่ 2 กรณีหลัก ๆ ตามผลลัพธ์ที่ออกมา
- หาก Actual > Forecast — หมายถึงตัวเลขที่ประกาศออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่งสัญญาณบวกต่อสกุลเงินนั้น (Bullish) และมีแนวโน้มที่สกุลเงินจะแข็งค่าขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าข้อมูล Non-Farm Payrolls สูงกว่าคาด บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐแข็งแกร่ง ซึ่งอาจทำให้ FED พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงิน USD แข็งค่า
- หาก Actual < Forecast — หมายถึงข้อมูลที่ออกมาแย่กว่าคาด ซึ่งถือเป็นลบ (Bearish) ต่อสกุลเงินนั้น และมีแนวโน้มทำให้ค่าเงินอ่อนตัวลง เช่น เงินเฟ้อ (CPI) ต่ำกว่าคาดอาจหมายถึงแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ ทำให้ธนาคารกลางชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลลบต่อค่าเงิน
อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ควรพิจารณาจากบริบทประกอบ เช่น ดูว่าตัวเลข Previous มีแนวโน้มดีขึ้นหรือถดถอย แม้ตัวเลข Actual จะดีกว่า Forecast แต่ถ้าต่ำกว่า Previous อาจแปลว่าเศรษฐกิจยังเติบโตไม่เท่าที่ควร นอกจากนี้ ควรเข้าใจว่าตลาดบางครั้ง “ราคาล่วงหน้า” หรือ price-in ข่าวไปแล้ว ดังนั้นการประกาศข่าวที่ดีแต่ราคาไม่ขึ้น อาจเป็นเพราะตลาดคาดหวังไว้สูงกว่าที่ออกมา ซึ่งเป็นแนวคิดที่ Investopedia อธิบายไว้ชัดเจน ว่าตัวชี้วัดเศรษฐกิจแต่ละตัวมีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง
ข้อผิดพลาดที่นักเทรดมือใหม่ควรระวังเมื่อใช้ Forex Factory
การใช้ปฏิทินข่าวเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่หากขาดความเข้าใจก็อาจนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาดได้ โดยข้อผิดพลาดที่พบบ่อยมีดังนี้
- ลืมตั้งค่าโซนเวลา — เป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุด หากไม่ตั้งเป็น GMT+7 อาจทำให้คุณเข้าเทรดผิดช่วงเวลา หรือพลาดโอกาสสำคัญโดยไม่รู้ตัว
- ให้ความสำคัญกับข่าวทุกข่าวเท่ากัน — นักเทรดมือใหม่มักตื่นเต้นกับข่าวทุกตัว แต่ควรโฟกัสที่ข่าวสีแดงและสีส้ม เพราะข่าวสีเหลืองมักไม่ส่งผลต่อทิศทางตลาด
- รีบเข้าเทรดทันทีที่ข่าวนำเสนอ — ในช่วง 1-2 นาทีแรกหลังจากข่าวออก ตลาดมักมีความผันผวนสูง ค่า spread อาจถ่างกว้าง และเกิด slippage หรือ whipsaw ได้ ควรรอประมาณ 5-15 นาทีให้ตลาดคงที่และแสดงทิศทางชัดเจนก่อนตัดสินใจ
- ตีความข่าวแบบผิวเผิน — การเห็นแค่ว่า actual ดีกว่า forecast แล้วรีบซื้อทันทีอาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดี เพราะต้องพิจารณาทั้งแนวโน้มก่อนหน้า ความคาดหวังของตลาด และบริบททางเศรษฐกิจประกอบ
เลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะกับสไตล์: การเปรียบเทียบ Forex Factory กับเว็บอื่น
แม้ Forex Factory จะได้รับความนิยมสูงในหมู่นักเทรดฟอเร็กซ์ แต่ก็มีทางเลือกอื่นที่มีจุดแข็งต่างกัน เช่น Investing.com หรือแม้แต่แพลตฟอร์มของโบรกเกอร์อย่าง Moneta Markets ที่ให้ข้อมูลเศรษฐกิจร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ในตัว โดยการเปรียบเทียบช่วยให้คุณเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะกับสไตล์
คุณสมบัติ | Forex Factory | Investing.com |
---|---|---|
หน้าตาและการใช้งาน (UI/UX) | เน้นความเรียบง่าย โหลดเร็ว และมุ่งเน้นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ | ออกแบบทันสมัย มีกราฟ ข้อมูลข่าวเพิ่มเติม แต่อาจดูซับซ้อนและโหลดช้ากว่า |
การปรับแต่ง (Customization) | ฟังก์ชันกรอง (Filter) ใช้งานง่ายและตอบสนองเร็ว | มีตัวเลือกกรองละเอียด เช่น ตามประเทศ ภาคเศรษฐกิจ หรือผลกำไรบริษัท |
เครื่องมือเพิ่มเติม | มีฟอรัมขนาดใหญ่ที่นักเทรดแลกเปลี่ยนความเห็น กลยุทธ์ และแนวโน้ม | มีเครื่องมือวิเคราะห์เทคนิค ข่าวหุ้น คริปโต และสินทรัพย์อื่น ๆ ครอบคลุมทุกประเภท |
เหมาะกับใคร | นักเทรดฟอเร็กซ์ที่ต้องการความเร็ว ความแม่นยำ และข้อมูลที่กระชับ | นักเทรดที่ต้องการข้อมูลลึก มีกราฟเปรียบเทียบ และเข้าถึงสินทรัพย์หลากหลาย |
นอกจากนี้ โบรกเกอร์อย่าง Moneta Markets ก็มีปฏิทินเศรษฐกิจในตัวแพลตฟอร์ม พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้มและ sentiment ของตลาด ซึ่งเหมาะกับนักเทรดที่ต้องการความสะดวกในการเข้าถึงทุกอย่างในที่เดียว โดยไม่ต้องสลับแท็บบ่อย ๆ หากคุณต้องการทางเลือกที่ผสมผสานระหว่างข้อมูลพื้นฐานและเครื่องมือเทรด นี่ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
จะตั้งค่า Forex Factory ให้เป็นเวลาไทยได้อย่างไร?
ให้คลิกที่ตัวเลขเวลาที่มุมขวาบนของเว็บไซต์ จากนั้นเลือก Time Zone เป็น “(GMT+7:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta” แล้วกด “Save Settings” เพื่อบันทึก ทุกข้อมูลในปฏิทินจะแสดงเป็นเวลาไทยทันที
ข่าวสีแดงใน Forex Factory หมายถึงอะไร?
ข่าวสีแดง หรือ High Impact คือข่าวเศรษฐกิจที่มีน้ำหนักมากที่สุด และมีแนวโน้มสูงที่จะกระตุ้นความผันผวนในตลาดอย่างรุนแรง เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ยหรือตัวเลขการจ้างงาน นักเทรดควรวางแผนบริหารพอร์ตและตั้ง stop-loss ให้เหมาะสมในช่วงเวลานี้
ควรเทรดทันทีที่ข่าวนำเสนอหรือไม่?
ไม่แนะนำ โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ เพราะช่วงแรกที่ข่าวออก ตลาดจะมีความผันผวนสูงมาก และมีโอกาสเกิด slippage หรือราคาเด้งกลับ ควรรอประมาณ 5-15 นาทีเพื่อดูทิศทางที่ชัดเจนก่อนตัดสินใจ
Actual, Forecast, Previous ในตารางข่าวคืออะไร?
- Actual: ตัวเลขที่ประกาศออกมาจริงในช่วงเวลานั้น
- Forecast: ตัวเลขที่นักวิเคราะห์ทั่วไปคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
- Previous: ตัวเลขจากช่วงก่อนหน้า ใช้เปรียบเทียบแนวโน้ม
นักเทรดมักจะเปรียบเทียบ Actual กับ Forecast เพื่อประเมินว่าข่าวนั้นดีหรือแย่กว่าที่ตลาดคาดหวัง
สามารถดูข่าวย้อนหลังใน Forex Factory ได้หรือไม่?
ได้ คุณสามารถคลิกที่ช่องวันที่ด้านบนของปฏิทิน แล้วเลือกวันที่ต้องการเพื่อดูข้อมูลย้อนหลัง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มหรือทำ backtest กลยุทธ์การเทรด
นอกจากปฏิทินข่าวแล้ว Forex Factory มีเครื่องมืออะไรอีกบ้าง?
Forex Factory มีฟอรัมที่ใหญ่ที่สุดในวงการฟอเร็กซ์ ซึ่งนักเทรดทั่วโลกมาแชร์ความคิดเห็น ระบบเทรด และแนวโน้ม นอกจากนี้ยังมีหน้า News, Market ที่แสดง sentiment ของนักเทรด และเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึกเพิ่มเติม
ทำไมตัวเลข Actual ถึงไม่แสดงทันทีเมื่อถึงเวลา?
อาจเกิดจากดีเลย์เล็กน้อยจากแหล่งข่าวต้นทาง หรือปริมาณผู้ใช้งานที่เข้าถึงเว็บไซต์จำนวนมากในเวลาเดียวกัน แต่โดยรวมถือว่า Forex Factory เป็นหนึ่งในเว็บที่รายงานผลเร็วที่สุดในตลาด
ถ้าไม่มีตัวเลข Forecast ในข่าว ควรตีความอย่างไร?
บางข่าว เช่น การกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลาง หรือตัวชี้วัดใหม่ อาจไม่มีตัวเลขคาดการณ์ เพราะไม่ใช่ข้อมูลเชิงปริมาณ ควรตีความจากน้ำเสียง บริบท และเปรียบเทียบกับตัวเลข Previous (ถ้ามี) เพื่อประเมินนัยยะทางนโยบาย