EUR/USD ดิ่งต่ำสุดรอบหลายสัปดาห์: การเมืองยุโรปและดอลลาร์แข็งค่า กำลังฉุดยูโร?
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา คู่สกุลเงิน EUR/USD ได้เผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก และปรับตัวลดลงมาสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนทั่วโลก
การอ่อนค่าของเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล แต่เป็นผลมาจากการผสมผสานของปัจจัยหลายประการ ทั้งจากฝั่งสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งขึ้น และจากความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นในเขตยูโรโซน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงการเมือง เราจะมาเจาะลึกกันว่าอะไรคือสาเหตุหลักที่ทำให้ EUR/USD มีทิศทางเช่นนี้ และคุณในฐานะเทรดเดอร์ควรจะจับตาอะไรบ้าง?
มีปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน EUR/USD ดังนี้:
- การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ.
- สถานการณ์การเมืองในยุโรปที่คลุมเครือ.
- สัญญาณจากการตัดสินใจของธนาคารกลาง.
แรงกดดันจากฝั่งดอลลาร์สหรัฐฯ: Risk-Off และท่าที Fed
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ EUR/USD อ่อนค่าลง คือความแข็งแกร่งของ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดอยู่ในสภาวะ Risk Aversion หรือการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เมื่อนักลงทุนรู้สึกไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจหรือการเมือง พวกเขามักจะหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe Haven) และดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เป็นหนึ่งในนั้น
นอกจากนี้ ท่าทีล่าสุดของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หลังจากมีการเผยแพร่ Summary of Economic Projections (SEP) ที่บ่งชี้ว่า Fed อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ (จากที่เคยคาดไว้สามครั้ง) ก็ยิ่งสนับสนุนความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าข้อมูล อัตราเงินเฟ้อ ล่าสุดของสหรัฐฯ จะอ่อนตัวลงบ้าง แต่ผลกระทบเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงและค่าเงินอื่นๆ ก็เริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนักลงทุนกลับมาประเมินแนวโน้ม นโยบายการเงิน ของ Fed ใหม่
สิ่งที่เราได้เห็นคือ ตลาดกำลังให้น้ำหนักกับ “Dot Plot” หรือแผนภาพจุดของ Fed ที่แสดงการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในอนาคต มากกว่าข้อมูลเงินเฟ้อที่ออกมาเพียงครั้งเดียว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดเชื่อว่า Fed ยังคงมีแนวโน้มที่จะคง อัตราดอกเบี้ย ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมาย 2% ได้อย่างยั่งยืน นี่คือปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่หนุนค่าเงินดอลลาร์อยู่ในขณะนี้
ความปั่นป่วนในยุโรป: ฝรั่งเศส จุดที่ต้องจับตา
ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยของตัวเอง เงินยูโร กลับกำลังเผชิญกับมรสุมจากภายในเขตยูโรโซน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังปั่นป่วนใน ฝรั่งเศส หลังจากประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ท่ามกลางกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้นของพรรค National Rally ของ มารีน เลอ แปน
ความไม่แน่นอนนี้สร้างความกังวลอย่างยิ่งในตลาดการเงิน เนื่องจากผลการเลือกตั้งอาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการคลังของ ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำหลักและเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของ ยูโรโซน การที่พรรคที่มีแนวคิดประชานิยมอาจเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารประเทศ ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจมีการดำเนินนโยบายที่เพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ หรือท้าทายกรอบการคลังของสหภาพยุโรป ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในวงกว้างขึ้น
ความกังวลทางการเมืองในฝรั่งเศสนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในประเทศเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อเสถียรภาพของทั้ง ยูโรโซน ผลที่ตามมาคือเงินทุนบางส่วนอาจถูกโยกย้ายออกจากสินทรัพย์ในยูโรโซนไปยังที่ที่ปลอดภัยกว่า ซึ่งส่งผลให้ เงินยูโร อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ในทางกลับกันกำลังแข็งแกร่งขึ้นจากปัจจัยของตัวเอง
ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตร: สัญญาณความกังวล
ตัวชี้วัดหนึ่งที่บ่งบอกถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยุโรปได้เป็นอย่างดี คือ ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ระยะ 10 ปีของ ฝรั่งเศส เมื่อเทียบกับ เยอรมนี ซึ่งถือเป็นพันธบัตรเกณฑ์มาตรฐานของยูโรโซนและเป็นเครื่องสะท้อนความเสี่ยง (Risk Benchmark)
ในช่วงที่ผ่านมา ส่วนต่างนี้ได้ถ่างกว้างขึ้นอย่างมาก จนกว้างที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 เกินกว่า 60 Basis Points (bps) หรือ 0.60% การถ่างกว้างของส่วนต่างนี้หมายความว่านักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสำหรับการถือพันธบัตรฝรั่งเศส เมื่อเทียบกับเยอรมนี ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงด้านเครดิตหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ/การเมืองที่รับรู้เพิ่มขึ้นในฝรั่งเศส ความกังวลนี้โดยตรงต่อ เงินยูโร และส่งผลให้ EUR/USD อ่อนค่าลง การที่ส่วนต่างนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงบ่งชี้ว่าตลาดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลังและการเมืองในฝรั่งเศส
ภาพรวมการวิเคราะห์ทางเทคนิค EUR/USD
นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐาน การทำความเข้าใจ การวิเคราะห์ทางเทคนิค ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ การวิเคราะห์นี้ช่วยให้เราเห็นภาพการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตและปัจจุบัน เพื่อคาดการณ์แนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับคู่ EUR/USD ในสภาวะตลาดปัจจุบัน มีสัญญาณทางเทคนิคหลายอย่างที่น่าจับตามอง และช่วยยืนยันภาพรวมที่กำลังเป็นอยู่
เมื่อเราพิจารณากราฟราคา เราจะมองหาระดับราคาที่มีนัยสำคัญทางจิตวิทยาหรือทางเทคนิค ซึ่งมักจะทำหน้าที่เป็น แนวรับ หรือ แนวต้าน ระดับเหล่านี้คือจุดที่แรงซื้อและแรงขายมักจะเข้ามาต่อสู้กัน ทำให้ราคาอาจชะลอตัว กลับตัว หรือทะลุผ่านไปอย่างรุนแรง การใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น ระดับ Fibonacci หรือ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ช่วยให้เราสามารถระบุระดับสำคัญเหล่านี้ได้อย่างเป็นระบบ
แนวรับและแนวต้านที่สำคัญที่ต้องจับตา
จากการเคลื่อนไหวล่าสุดและการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราได้เห็นระดับราคาสำคัญที่ EUR/USD กำลังทดสอบ ซึ่งเป็นจุดตัดสินใจที่สำคัญสำหรับทิศทางในระยะต่อไป:
ระดับแนวรับ | รายละเอียด |
---|---|
1.0700 | ระดับจิตวิทยาที่สำคัญ ซึ่งมีโอกาสว่าการกลับมายืนได้อีกครั้งจะแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง. |
1.0670 | ระดับ Fibonacci 78.6% ที่อาจเป็นจุดสิ้นสุดของการปรับฐาน. |
1.0600 | ระดับทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญต้องจับตามอง. |
- แนวต้าน: หลังจากที่ราคาหลุด 1.0700 ระดับนี้ได้กลายเป็นแนวต้านทางจิตวิทยาไปโดยปริยาย ซึ่งการจะกลับมายืนเหนือระดับนี้ได้จะต้องใช้แรงซื้อที่ค่อนข้างมาก หากราคาฟื้นตัวขึ้นและทะลุ 1.0700 ได้ แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ประมาณ 1.0760 ซึ่งตรงกับระดับ Fibonacci 50% ของการปรับลงรอบล่าสุด ระดับ Fibonacci 50% มักถูกมองว่าเป็นจุดกึ่งกลางของการเคลื่อนไหว และหากราคาแข็งแกร่งพอที่จะทะลุ 1.0760 ได้ เหนือขึ้นไปอีกเล็กน้อยที่บริเวณ 1.0790-1.0800 เป็นที่ตั้งของ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Simple Moving Average (SMA) ทั้ง 100 วัน และ 200 วัน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มระยะกลางถึงระยะยาว การที่ราคาทะลุ SMA สำคัญเหล่านี้ได้ จะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
การทำความเข้าใจระดับเหล่านี้และวิธีที่ราคาตอบสนองต่อพวกมัน จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สัญญาณจากอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
เครื่องมือทางเทคนิคที่เราสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจได้คือ อินดิเคเตอร์ ซึ่งช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของโมเมนตัม ความแข็งแกร่ง หรือสภาวะของตลาด หนึ่งในอินดิเคเตอร์ที่นิยมใช้คือ ดัชนี Relative Strength Index (RSI) ซึ่งใช้วัดโมเมนตัมและความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคา โดยจะแกว่งตัวอยู่ในช่วง 0-100
ในกราฟ 4 ชั่วโมงของ EUR/USD ขณะที่เขียนบทความนี้ ดัชนี RSI อยู่เหนือระดับ 30 เพียงเล็กน้อย ซึ่งระดับต่ำกว่า 30 มักถูกมองว่าเข้าสู่ภาวะ Oversold หรือขายมากเกินไป หมายความว่าราคาได้ปรับตัวลงมามากเกินไปและอาจมีโอกาสที่จะเกิดการดีดตัวขึ้น การที่ RSI ยังอยู่เหนือ 30 เล็กน้อยนี้ อาจบ่งชี้ว่ายังมี “พื้นที่” ให้ราคาปรับตัวลงได้อีกเล็กน้อยทางเทคนิค ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะ Oversold อย่างชัดเจน ซึ่งอาจเป็นจุดที่นักเทรดที่มองหาการกลับตัวจะพิจารณาเข้าซื้อ แต่ก็ต้องพิจารณาร่วมกับปัจจัยพื้นฐานและการยืนยันจากสัญญาณอื่นๆ ด้วย
การใช้ RSI ร่วมกับระดับ แนวรับ และ แนวต้าน สามารถให้สัญญาณที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น หากราคาเข้าใกล้แนวรับสำคัญ และ RSI เข้าสู่ภาวะ Oversold นี่อาจเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นว่ามีโอกาสที่ราคาจะดีดตัวขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม อินดิเคเตอร์ไม่ใช่เครื่องมือที่สมบูรณ์แบบ และควรใช้เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์โดยรวมของคุณ
ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ที่ส่งผลต่อ EUR/USD
ตลาดการเงินมีความเชื่อมโยงถึงกัน การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อื่นๆ ก็อาจส่งผลกระทบต่อ EUR/USD ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น หากตลาดหุ้น สหรัฐฯ (เช่น S&P 500) ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง นี่อาจเป็นสัญญาณของสภาวะ Risk Aversion ซึ่งมักจะหนุน ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แข็งค่าขึ้น ในทางกลับกัน หากตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อาจบ่งชี้ถึงสภาวะ Risk On ซึ่งอาจส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงและหนุนคู่สกุลเงินอื่นๆ รวมถึงยูโร
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะประกาศออกมา ทั้งจากฝั่ง สหรัฐฯ และ ยูโรโซน ก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม แม้ว่าบางข้อมูลอย่างเช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เบื้องต้นจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนสำหรับเดือนมิถุนายน อาจถูกละเลยในสภาวะที่ตลาดให้ความสำคัญกับประเด็นการเมืองในยุโรปมากกว่า แต่ข้อมูลสำคัญอื่นๆ เช่น ตัวเลขการจ้างงาน หรืออัตราเงินเฟ้อจากทั้งสองฝั่ง ก็ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจ นโยบายการเงิน ของ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางหลักของค่าเงิน
คาดการณ์และแนวโน้มระยะสั้นสำหรับ EUR/USD
จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ EUR/USD ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากทั้งความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป แนวโน้มในระยะสั้นดูเหมือนจะยังคงเป็นขาลง โดยมีระดับ แนวรับ ที่ 1.0670 และ 1.0600 เป็นเป้าหมายถัดไปสำหรับแรงขาย การที่ราคาได้หลุดระดับ 1.0700 ลงมาถือเป็นสัญญาณเชิงลบทางเทคนิคที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินมีความผันผวน หากมีปัจจัยใหม่เข้ามา เช่น ความชัดเจนทางการเมืองในฝรั่งเศสที่ดีขึ้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของตลาดต่อท่าทีของ Fed หรือแม้กระทั่งผู้เล่นรายใหญ่ตัดสินใจทำกำไรจากการ Short Position (การขายล่วงหน้า) ก่อนช่วงสุดสัปดาห์ เราอาจเห็นการดีดตัวขึ้นสั้นๆ หรือที่เรียกว่า Short Covering ซึ่งมีระดับ แนวต้าน ที่ 1.0700 เป็นด่านแรกที่ต้องเอาชนะให้ได้ ก่อนที่จะมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1.0760 และ 1.0790-1.0800 ซึ่งเป็นแนวต้านทางเทคนิคที่สำคัญยิ่งขึ้นไปอีก
การติดตามข่าวสารการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมราคาบริเวณ แนวรับ และ แนวต้าน ที่กล่าวมา จะช่วยให้คุณสามารถประเมินสถานการณ์ในระยะสั้นและปรับกลยุทธ์ การซื้อขาย ได้ทันท่วงที
ภาพระยะยาว: การเลือกตั้งสหรัฐฯ และอนาคตยูโรโซน
มองภาพระยะยาวออกไป การเคลื่อนไหวของ EUR/USD ในช่วงที่เหลือของปี 2024 จะยังคงถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยระดับมหภาคที่สำคัญและมีน้ำหนัก
ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนคาดการณ์ว่า EUR/USD อาจมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า หากสถานการณ์การเมืองในยุโรปมีความชัดเจนขึ้น หรือข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนเริ่มมีสัญญาณที่ดี แต่เพื่อให้แนวโน้มเป็นขาขึ้นอย่างยั่งยืนในครึ่งหลังของปี เศรษฐกิจยูโรโซน จำเป็นต้องแสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งและชัดเจน และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจจะต้องมีท่าทีที่ “Hawkish” หรือเข้มงวดขึ้นบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาหลุดต่ำกว่าระดับ 1.0390 ซึ่งเป็นระดับที่สำคัญมากในภาพใหญ่
ปัจจัยใหญ่ที่สุดระดับโลกที่อาจมีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อ EUR/USD ในช่วงปลายปีนี้ คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ความเป็นไปได้ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับมาสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี สร้างความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการค้าและนโยบายภาษี ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับขึ้นของ อัตราเงินเฟ้อ ในสหรัฐฯ (ผ่านภาษีนำเข้า) และส่งผลกระทบต่อแนวทางการดำเนิน นโยบายการเงิน ของ Fed รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ อัตราแลกเปลี่ยน ของดอลลาร์สหรัฐฯ และมีนัยสำคัญต่อคู่ EUR/USD
หากคุณกำลังมองหา โบรกเกอร์ หรือ แพลตฟอร์มการซื้อขาย ที่จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีเครื่องมือรองรับการวิเคราะห์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว การพิจารณาแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นและได้รับการยอมรับเป็นสิ่งสำคัญ Moneta Markets เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ แพลตฟอร์มนี้รองรับ MT4, MT5, และ Pro Trader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยม มีจุดเด่นเรื่องการประมวลผลคำสั่งที่รวดเร็วและค่าสเปรดที่แข่งขันได้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดของคุณ ไม่ว่าคุณจะเน้นการเทรดระยะสั้นตามสัญญาณทางเทคนิค หรือวางแผนการลงทุนระยะยาวตามปัจจัยพื้นฐาน
บทบาทของธนาคารกลาง: ECB และ Fed
ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ระยะสั้นหรือระยะยาว การตัดสินใจและการสื่อสารของ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงเป็นปัจจัยชี้นำที่สำคัญที่สุดสำหรับคู่สกุลเงิน EUR/USD ทั้งสองธนาคารกลางมีเป้าหมายหลักคือการรักษาเสถียรภาพราคา (โดยทั่วไปคือการควบคุม อัตราเงินเฟ้อ ให้อยู่ใกล้เป้าหมายที่ประมาณ 2%) และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ (สำหรับ Fed ยังรวมถึงการจ้างงานสูงสุด)
การประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน ของทั้งสองธนาคาร การแถลงข่าวโดยประธาน เช่น คริสติน ลาการ์ด จาก ECB และ เจอโรม พาวเวลล์ จาก Fed รวมถึงการเผยแพร่รายงานทางเศรษฐกิจและการคาดการณ์ จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ตลาดใช้ในการประเมินทิศทาง อัตราดอกเบี้ย ในอนาคต ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความน่าสนใจของ เงินยูโร และ ดอลลาร์สหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในถ้อยคำหรือน้ำเสียงของประธานธนาคารกลาง ก็สามารถสร้างความผันผวนให้กับ อัตราแลกเปลี่ยน ได้อย่างมีนัยสำคัญ
การเชื่อมโยงกับตลาดอื่นๆ
ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว EUR/USD ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างโดดเดี่ยว แต่มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นๆ ในตลาดโลก ความสัมพันธ์เหล่านี้สามารถเป็นเครื่องยืนยันแนวโน้ม หรือบางครั้งก็เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าได้
คู่สกุลเงินหลักอื่นๆ เช่น GBP/USD, USD/JPY, AUD/USD, และ USD/CAD มักจะแสดงความสัมพันธ์บางอย่างกับ EUR/USD โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับ ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ก็มักจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ด้วยเช่นกัน (ยกเว้นในบางกรณีพิเศษ)
นอกจากนี้ สินทรัพย์อย่าง ทองคำ (XAU/USD) และ น้ำมัน (WTI) รวมถึงดัชนีตลาดหุ้นสำคัญๆ เช่น S&P 500 ก็มักจะมีความสัมพันธ์กับ EUR/USD ในสภาวะ Risk Aversion ที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เรามักจะเห็นราคาทองคำปรับตัวลง (เนื่องจากดอลลาร์แข็งทำให้ทองคำแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น) และตลาดหุ้นอาจจะอ่อนตัวลง ในทางกลับกัน สภาวะ Risk On อาจส่งผลในทางตรงข้าม
การสังเกตการเคลื่อนไหวของตลาดเหล่านี้ไปพร้อมๆ กับ EUR/USD สามารถให้มุมมองที่รอบด้านและช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมของตลาดได้ดียิ่งขึ้น
บทสรุป: จับตาสัญญาณสำคัญในตลาด EUR/USD
โดยสรุปแล้ว คู่สกุลเงิน EUR/USD กำลังอยู่ในช่วงที่เปราะบางและเต็มไปด้วยความท้าทาย ปัจจัยขับเคลื่อนหลักในระยะสั้นยังคงอยู่ที่ความแข็งแกร่งของ ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ได้แรงหนุนจากสภาวะ Risk Aversion และท่าทีของ Fed ที่ยังคงระมัดระวังเรื่อง อัตราเงินเฟ้อ รวมถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ การเมืองในยุโรป โดยเฉพาะใน ฝรั่งเศส ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปของ ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ที่กว้างขึ้น
ในทางเทคนิค การหลุดระดับ 1.0700 ลงมาเป็นสัญญาณเชิงลบที่ชัดเจน ทำให้ แนวรับ ถัดไปที่ 1.0670 และ 1.0600 เป็นระดับสำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
นักลงทุนและเทรดเดอร์ควรจับตาดูการพัฒนาทางการเมืองในยุโรปอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับการตัดสินใจและถ้อยแถลงจาก ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งยังคงเป็นผู้กำหนดทิศทางหลักสำหรับ อัตราแลกเปลี่ยน คู่นี้ การทำความเข้าใจทั้งปัจจัยพื้นฐานและสัญญาณทางเทคนิค จะช่วยให้คุณสามารถนำทางในตลาดที่ผันผวนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การมีเครื่องมือและ แพลตฟอร์มการซื้อขาย ที่เหมาะสมก็เป็นส่วนสำคัญในการบริหารความเสี่ยงและคว้าโอกาสในตลาดนี้
หากคุณกำลังมองหา โบรกเกอร์ ที่มีมาตรฐานระดับสากลและให้บริการที่ครอบคลุมทั่วโลก Moneta Markets เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ โบรกเกอร์นี้มีใบอนุญาตกำกับดูแลจากหลายหน่วยงาน เช่น FSCA, ASIC, และ FSA พร้อมบริการที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เทรดเดอร์ เช่น การแยกเก็บเงินทุนของลูกค้าในบัญชีที่ต่างหาก (Fund Segregation) และมีฝ่ายบริการลูกค้าที่พร้อมดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดในตลาดที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับeurusd
Q:EUR/USD คืออะไร?
A:EUR/USD เป็นคู่สกุลเงินที่แสดงถึงอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐฯ.
Q:ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของ EUR/USD?
A:ปัจจัยรวมถึงนโยบายการเงินของ Fed และ ECB, สถานการณ์ทางการเมืองในยุโรป, และตัวชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญ.
Q:การวิเคราะห์เทคนิคมีความสำคัญอย่างไรใน EUR/USD?
A:การวิเคราะห์เทคนิคนำเสนอภาพรวมการเคลื่อนไหวราคา ซึ่งช่วยในการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต.