เหรียญ ATOM (Cosmos): ไขปริศนา ‘อินเทอร์เน็ตของบล็อกเชน’ พร้อมวิธีลงทุนและโอกาสปี 2024

Table of Contents

บทนำ: ทำความรู้จักเหรียญ ATOM (Cosmos) และอินเทอร์เน็ตของบล็อกเชน

ในยุคที่สกุลเงินดิจิทัลขยายตัวอย่างก้าวกระโดด เหรียญ ATOM หรือ Cosmos กำลังกลายเป็นจุดสนใจสำคัญ ด้วยแนวคิดที่วางตำแหน่งให้เป็น “อินเทอร์เน็ตของบล็อกเชน” มันช่วยเชื่อมโยงบล็อกเชนหลากหลายเข้าด้วยกัน เพื่อให้การสื่อสารและการโอนย้ายมูลค่าดำเนินไปอย่างลื่นไหล โดยแก้ไขปัญหาการขาดการเชื่อมต่อระหว่างบล็อกเชนที่เป็นอุปสรรคใหญ่ บทความนี้จะนำคุณสำรวจทุกมุมมองของเหรียญ ATOM ตั้งแต่รากฐานทางเทคนิค โครงสร้างเศรษฐศาสตร์โทเคน ระบบนิเวศ การพยากรณ์ราคา จนถึงแนวทางลงทุนที่เหมาะสำหรับชาวไทย พร้อมชี้ให้เห็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

illustration of ATOM coin floating among interconnected blockchains forming an internet of blockchains concept

Cosmos (ATOM) คืออะไร? แก่นแท้ของระบบนิเวศบล็อกเชน

Cosmos ปรากฏขึ้นในฐานะเครือข่ายบล็อกเชนที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยง เพื่อให้บล็อกเชนต่างๆ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ “อินเทอร์เน็ตของบล็อกเชน” ที่แท้จริง แทนที่จะปล่อยให้แต่ละบล็อกเชนแยกตัวออกจากกัน Cosmos ผลักดันให้เกิดโลกที่บล็อกเชนทุกตัวสามารถประสานงานกัน เพื่อปลดปล่อยนวัตกรรมใหม่ๆ และขยายขอบเขตของแอปพลิเคชันกระจายอำนาจให้กว้างไกลยิ่งขึ้น

illustration of the Cosmos network a hub connecting diverse sovereign blockchains with ATOM tokens securing it

กำเนิดและปรัชญาของ Cosmos

โครงการ Cosmos เกิดจากการริเริ่มของ Ethan Buchman และ Jae Kwon ซึ่งตั้งใจแก้ไขข้อจำกัดหลักของบล็อกเชนรุ่นแรกๆ เช่น ความท้าทายด้านการขยายขนาด การใช้งานที่ยุ่งยาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย ปรัชญา核心ของ Cosmos คือการสร้างระบบที่บล็อกเชนแต่ละตัวมีอิสระของตนเอง โดยแต่ละเครือข่ายสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ การบริหารจัดการ และฟีเจอร์เฉพาะได้ตามต้องการ แต่ยังคงเชื่อมโยงกับเครือข่าย Cosmos อื่นๆ ผ่านมาตรฐานโปรโตคอลที่เป็นสากล

ATOM Token: หัวใจสำคัญของเครือข่าย

ATOM ทำหน้าที่เป็นโทเคนหลักของ Cosmos Hub ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเครือข่าย Cosmos และมีบทบาทหลากหลายที่ขาดไม่ได้:

  • การ Staking: ผู้ถือสามารถล็อก ATOM เพื่อสนับสนุนความมั่นคงของ Cosmos Hub และรับผลตอบแทนจากรางวัล staking รวมถึงส่วนแบ่งค่าธรรมเนียม
  • การกำกับดูแล: เจ้าของ ATOM มีส่วนร่วมในการตัดสินใจพัฒนาและอัปเดตเครือข่ายผ่านกระบวนการกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจ
  • ค่าธรรมเนียม: ATOM ใช้จ่ายสำหรับธุรกรรมและบริการต่างๆ ใน Cosmos Hub
  • ความปลอดภัย: ทำหน้าที่เป็นหลักประกันในระบบ Proof-of-Stake เพื่อปกป้องเครือข่าย

เทคโนโลยีเบื้องหลัง Cosmos: สร้างบล็อกเชนที่เชื่อมโยงกัน

จุดแข็งของ Cosmos มาจากชุดเครื่องมือเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการ ทำให้การพัฒนาและเชื่อมต่อบล็อกเชนกลายเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิผลสูง

illustration of Tendermint Core IBC protocol and Cosmos SDK as building blocks connecting various blockchains

Tendermint Core: กลไกฉันทามติที่แข็งแกร่ง

Tendermint Core คือระบบฉันทามติแบบ Byzantine Fault Tolerance ที่เป็นฐานรากของ Cosmos ช่วยให้บล็อกเชนที่สร้างจาก Cosmos SDK มีความปลอดภัยระดับสูงและยืนยันธุรกรรมได้ทันที โดยแยกส่วนฉันทามติออกจากส่วนแอปพลิเคชัน ทำให้ผู้พัฒนาโฟกัสที่การสร้างฟีเจอร์หลักโดยไม่ต้องยุ่งยากกับกลไกซับซ้อน

Inter-Blockchain Communication (IBC): สะพานเชื่อมจักรวาลบล็อกเชน

IBC คือโปรโตคอลหลักที่ทำให้ Cosmos โดดเด่น มันเป็นมาตรฐานที่ช่วยให้บล็อกเชนในเครือข่าย Cosmos สามารถสื่อสาร โอนโทเคน และแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างปลอดภัย แม้จะมีกลไกฉันทามติหรือฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน คล้ายกับ TCP/IP ที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในอินเทอร์เน็ต

Cosmos SDK: ชุดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา

Cosmos SDK เป็นเฟรมเวิร์กที่อำนวยความสะดวกให้ผู้พัฒนาสร้างบล็อกเชนส่วนตัวได้อย่างรวดเร็ว ด้วยโมดูลสำเร็จรูปสำหรับฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การจัดการบัญชี การกำกับดูแล และ staking การออกแบบแบบโมดูลาร์นี้ช่วยลดความยุ่งยากและเร่งกระบวนการพัฒนา ส่งผลให้เกิด Appchains หรือบล็อกเชนเฉพาะทางที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โทเคนโนมิกส์ของ ATOM: ทำความเข้าใจมูลค่าและกลไก (Tokenomics)

โครงสร้างเศรษฐศาสตร์ของ ATOM นั้นซับซ้อนและเป็นประเด็นที่ชุมชน Cosmos ถกเถียงกันบ่อยครั้ง มันเริ่มต้นด้วยอุปทานที่กำหนดไว้ แต่ใช้กลไกระบบเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่นที่ปรับตามอัตราการ staking เพื่อรักษาสมดุลที่ 67% สำหรับความมั่นคงของเครือข่าย

เมื่ออัตราการ staking ต่ำกว่า 67% เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเพื่อดึงดูดให้มีคนเข้าร่วมมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากสูงเกินกว่านั้น เงินเฟ้อจะลดลง อย่างไรก็ตาม ลักษณะเงินเฟ้อนี้บางครั้งถูกวิจารณ์ว่าเป็นจุดอ่อนสำหรับการเก็บมูลค่ายาวนาน

ปัจจุบัน มีข้อเสนอ ATOM 2.0 ที่มุ่งปรับปรุง โดยลดเงินเฟ้อและเพิ่มกลไกสร้างมูลค่า เช่น ใช้รายได้จาก Interchain Security ในการซื้อคืนและเผา ATOM หรือตั้งคลังทุนสำหรับพัฒนาระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจพลิกโฉมมูลค่าของ ATOM ในอนาคตได้อย่างมาก (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ATOM 2.0)

ระบบนิเวศของ Cosmos: โปรเจกต์ที่น่าสนใจและอนาคตของ Interchain Security

ระบบนิเวศ Cosmos กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วย Appchains และโครงการจำนวนมากที่พัฒนาบน Cosmos SDK และเชื่อมต่อผ่าน IBC โครงการเด่นๆ ที่ควรจับตามอง ได้แก่:

  • Osmosis (OSMO): แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจชั้นนำใน Cosmos ที่เชี่ยวชาญการเทรดสินทรัพย์ข้ามเครือข่าย
  • Cronos (CRO): บล็อกเชนจาก Crypto.com ที่รองรับ EVM และผสานกับ Cosmos เพื่อเสริมการทำงานร่วมกัน
  • Terra (LUNA/LUNC): แม้ผ่านวิกฤต แต่ Terra Classic (LUNC) และ Terra 2.0 (LUNA) ยังคงมีบทบาทใน Cosmos โดยเน้น stablecoin และ DApps
  • Kava (KAVA): แพลตฟอร์ม DeFi ที่ให้บริการกู้ยืมและ stablecoin

แนวโน้มสำคัญคือ Interchain Security ซึ่งช่วยให้ Appchains ขนาดย่อมยืมความมั่นคงจาก Cosmos Hub โดย Hub จะตรวจสอบและปกป้องเครือข่ายอื่นๆ ที่เลือกใช้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความปลอดภัยสำหรับโครงการใหม่ v1 เปิดใช้งานแล้ว และ v2 กับ v3 กำลังพัฒนา เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืน

การวิเคราะห์ราคาเหรียญ ATOM และแนวโน้มในอนาคต

ราคาของ ATOM ผันผวนรุนแรงไม่ต่างจากคริปโตอื่นๆ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลากหลายที่ส่งผลกระทบโดยตรง

ปัจจัยที่มีผลต่อราคา ATOM

  • พัฒนาการในระบบนิเวศ Cosmos: การเปิดตัวโครงการใหม่ อัปเกรดอย่าง Interchain Security หรือ ATOM 2.0 สามารถจุดประกายความสนใจและดันราคา
  • สถานการณ์ตลาดคริปโตโดยรวม: แนวโน้มของ Bitcoin และ Ethereum ในตลาดกระทิงหรือหมีมีอิทธิพลชัดเจนต่อ ATOM
  • การยอมรับและใช้งาน: ยิ่งมีผู้ใช้และนักพัฒนาเข้าร่วมมากเท่าไร ความต้องการ ATOM ก็ยิ่งสูงขึ้น
  • การแข่งขัน: คู่แข่งอย่าง Polkadot (DOT) และ Avalanche (AVAX) อาจแย่งส่วนแบ่งตลาด
  • ข่าวสารและกฎระเบียบ: ข่าวเชิงบวกหรือลบ รวมถึงการปรับกฎในแต่ละประเทศ สามารถสั่นคลอนความเชื่อมั่น

การคาดการณ์ราคา ATOM (2024-2030)

ผู้เชี่ยวชาญหลายรายมองว่า ATOM มีโอกาสเติบโตยาวนาน ด้วยบทบาทหลักในการแก้ปัญหาการเชื่อมต่อบล็อกเชน แต่การพยากรณ์ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน:

  • ระยะสั้น (2024): ราคาอาจสวิงตามตลาดใหญ่ การอนุมัติ ETF หรืออัปเดตสำคัญ
  • ระยะกลาง (2025-2027): หาก Interchain Security และ ATOM 2.0 สำเร็จ อาจเห็นการเติบโตแข็งแกร่ง โดยลดเงินเฟ้อและสร้างมูลค่า
  • ระยะยาว (2028-2030): Cosmos ในฐานะอินเทอร์เน็ตบล็อกเชนอาจยกระดับ ATOM สูง หากครองตำแหน่งผู้นำด้านการเชื่อมต่อ

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์เหล่านี้เป็นเพียงสมมติฐาน นักลงทุนควรศึกษาด้วยตนเอง (DYOR) และชั่งน้ำหนักความเสี่ยงก่อนลงมือ (ดูข้อมูลราคา ATOM ล่าสุดจาก CoinDesk)

เปรียบเทียบ Cosmos กับคู่แข่งสำคัญในตลาด (Polkadot, Avalanche)

Cosmos อยู่ในสนามแข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เน้นการเชื่อมต่อและการขยายขนาด

คุณสมบัติ Cosmos (ATOM) Polkadot (DOT) Avalanche (AVAX)
ปรัชญาหลัก “บล็อกเชนเป็นอิสระ” (Sovereign Blockchains) เชื่อมต่อผ่าน IBC “ความปลอดภัยร่วม” (Shared Security) Parachains แชร์ความปลอดภัยจาก Relay Chain “เครือข่ายของ Subnets” (Network of Subnets) แต่ละ Subnet มีความปลอดภัยของตนเอง
กลไกความปลอดภัย Cosmos Hub ให้บริการ Interchain Security แก่ Appchains อื่นๆ (เลือกใช้) Parachains ทุกตัวได้รับความปลอดภัยจาก Relay Chain โดยอัตโนมัติ แต่ละ Subnet มีชุดผู้ตรวจสอบความถูกต้องและกลไกความปลอดภัยของตนเอง
การพัฒนา DApps ใช้ Cosmos SDK สร้าง Appchains ที่ปรับแต่งได้สูง สร้าง Parachains หรือ Parathreads บน Substrate Framework สร้าง DApps บน C-Chain หรือสร้าง Subnet ของตนเอง
ความสามารถในการทำงานร่วมกัน IBC Protocol สำหรับการสื่อสารระหว่างบล็อกเชนอิสระ Cross-chain Messaging (XCM) ระหว่าง Parachains และ Relay Chain Cross-subnet communication ผ่าน X-Chain และ C-Chain

Cosmos โดดเด่นด้วยแนวคิดบล็อกเชนอิสระที่มอบอิสระสูงสุดแก่ผู้พัฒนา ในขณะที่ Polkadot เน้นความมั่นคงร่วม และ Avalanche ใช้โครงสร้าง Subnet ที่ยืดหยุ่นแต่ปลอดภัย การเลือกแพลตฟอร์มควรพิจารณาจากความต้องการเฉพาะของแต่ละโครงการ

วิธีการลงทุนและซื้อขายเหรียญ ATOM ในประเทศไทย (สำหรับนักลงทุนไทย)

ชาวไทยที่สนใจ ATOM สามารถเข้าถึงผ่านหลายแพลตฟอร์มที่รองรับการซื้อขาย

แพลตฟอร์มที่รองรับการซื้อขาย ATOM ในไทย

  • Bitkub: ตลาดที่ได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. ไทย รองรับ ATOM ด้วยเงินบาท ทำให้ใช้งานสะดวกสำหรับคนไทย
  • Binance: แพลตฟอร์มระดับโลกยักษ์ใหญ่ แม้ไม่จดทะเบียนในไทยแต่ได้รับความนิยม รองรับ ATOM กับคริปโตอื่นๆ อย่าง USDT หรือ BTC
  • Satang Pro: ตลาดที่ได้รับใบอนุญาตอีกแห่งในไทย และรองรับ ATOM
  • Coinbase, Kraken: แพลตฟอร์มต่างประเทศใหญ่ๆ ที่มี ATOM แต่การจัดการเงินบาทอาจยุ่งยากกว่า Bitkub

ขั้นตอนการซื้อ ATOM บน Bitkub (ตัวอย่างพร้อมรูปภาพ)

การซื้อ ATOM บน Bitkub เรียบง่ายและเหมาะกับนักลงทุนไทย ดังนี้:

  1. สมัครและยืนยันตัวตน (KYC):
    เข้าสู่เว็บหรือแอป Bitkub คลิกสมัครและกรอกข้อมูล จากนั้นยืนยันตัวตนด้วยเอกสารอย่างบัตรประชาชน เซลฟี่ และคำถามยืนยันตามกฎ ก.ล.ต. อาจใช้เวลา 1-3 วัน
  2. ฝากเงินบาท:
    เข้าสู่ระบบ ไปที่ Wallet แล้วเลือกฝาก THB ใช้วิธีอย่าง PromptPay หรือโอนธนาคาร เงินจะเข้าบัญชีเร็วภายในไม่กี่นาที
  3. ซื้อ ATOM:
    ไปที่ตลาดหรือเทรด ค้น ATOM/THB เลือก Market Order สำหรับซื้อทันที หรือ Limit Order เพื่อตั้งราคาเป้าหมาย ระบุจำนวนและยืนยัน
  4. ตรวจสอบและเก็บรักษา:
    ATOM จะปรากฏใน Wallet เพื่อความปลอดภัย แนะนำถอนไป Hardware Wallet อย่าง Ledger หรือ Trezor หรือ Software Wallet ที่ควบคุมกุญแจส่วนตัว

คำเตือนสำหรับนักลงทุนไทย: การลงทุนคริปโตมีภาษีกำไรทุน ควรศึกษากฎกรมสรรพากรและบันทึกธุรกรรมให้ครบถ้วน (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก ก.ล.ต.)

ความเสี่ยงและข้อควรพิจารณาก่อนลงทุนใน ATOM

การลงทุน ATOM และคริปโตทั่วไปเต็มไปด้วยความเสี่ยงสูง ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน:

  • ความผันผวน: ราคาอาจแกว่งตัวรุนแรง นำไปสู่ขาดทุนกะทันหัน
  • กฎระเบียบ: การเปลี่ยนแปลงนโยบายจากรัฐบาลอาจกระทบราคาและการใช้งาน
  • ทางเทคนิค: แม้เทคโนโลยีแข็งแกร่ง แต่ยังเสี่ยงจากบั๊ก การแฮก หรือช่องโหว่
  • การแข่งขัน: โครงการอื่นๆ ที่แก้ปัญหาการเชื่อมต่ออาจท้าทายตำแหน่ง Cosmos
  • การกำกับดูแล: การโหวตชุมชนอย่าง ATOM 2.0 อาจไม่ตรงใจทุกคน ส่งผลต่อมูลค่า
  • สภาพคล่อง: แม้ ATOM ใหญ่ แต่บางครั้งตลาดอาจตื้นเขิน ยากต่อการเทรด
  • ภาษีไทย: กำไรจากคริปโตต้องเสียภาษีตามกฎหมาย

ลงทุนเฉพาะเงินที่ยอมเสียได้ และศึกษาข้อมูลละเอียด (DYOR) ก่อนตัดสินใจ

สรุป: ATOM (Cosmos) กับบทบาทในอนาคตของบล็อกเชน

ATOM และ Cosmos ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการสร้างอินเทอร์เน็ตบล็อกเชน ด้วยเทคโนโลยีหลักอย่าง Tendermint Core, IBC และ Cosmos SDK ที่เชื่อมโยงบล็อกเชนหลากหลาย และเปิดโอกาสพัฒนา DApps อย่างอิสระ

แม้เผชิญความท้าทายจากโทเคนโนมิกส์ที่กำลังปรับผ่าน ATOM 2.0 และการแข่งขัน แต่ศักยภาพในการเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมต่อบล็อกเชนยังคงโดดเด่น การขยาย Interchain Security และระบบนิเวศจะยกระดับบทบาท ATOM ในอนาคต สำหรับนักลงทุนไทย การเข้าใจเทคโนโลยี โครงสร้างโทเคน ความเสี่ยง และวิธีซื้อบน Bitkub จะช่วยตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีอนาคตสดใสนี้ได้อย่างมีสติ

1. เหรียญ ATOM คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรในระบบนิเวศของ Cosmos?

ATOM คือโทเคนหลักของ Cosmos Hub ซึ่งเป็นศูนย์กลางในระบบนิเวศ Cosmos ประโยชน์หลัก ได้แก่ การ staking เพื่อรักษาความมั่นคงเครือข่าย การมีส่วนร่วมใน governance เพื่อโหวตทิศทางพัฒนา การจ่ายค่าธรรมเนียมธุรกรรม และเป็นหลักประกันในระบบ Proof-of-Stake

2. สามารถซื้อเหรียญ ATOM ได้ที่ไหนในประเทศไทย และต้องทำอย่างไรบ้าง?

ในไทย สามารถซื้อ ATOM ได้จากตลาดที่ได้รับอนุมัติอย่าง Bitkub หรือ Satang Pro หรือแพลตฟอร์มโลกอย่าง Binance ขั้นตอนทั่วไปคือ:

  • สมัครและยืนยันตัวตน (KYC)
  • ฝากเงินบาทเข้าบัญชี
  • เลือกคู่เทรดอย่าง ATOM/THB บน Bitkub หรือ ATOM/USDT บน Binance แล้วซื้อ

Bitkub เหมาะสำหรับความสะดวกในการจัดการเงินบาท

3. การ Staking เหรียญ ATOM มีความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นอย่างไร?

Staking ATOM ให้ผลตอบแทนจากรางวัลและช่วยปกป้องเครือข่าย แต่มีความเสี่ยง เช่น:

  • Slashing Risk: ถ้าผู้ตรวจสอบที่เลือกทำผิด อาจเสียเหรียญบางส่วน
  • Lock-up Period: เหรียญถูกล็อกชั่วคราว ไม่สามารถเทรดได้
  • Price Volatility: ราคาอาจตกขณะล็อก ทำให้ผลตอบแทนไม่คุ้ม

4. อนาคตของเหรียญ ATOM และ Cosmos Ecosystem จะเป็นอย่างไรในระยะยาว?

ATOM และ Cosmos มีศักยภาพยาวนานจากบทบาทแก้ปัญหาการเชื่อมต่อบล็อกเชน Interchain Security จะช่วยให้เครือข่ายยืมความมั่นคงร่วมกัน ส่งเสริมการเติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่ ATOM 2.0 จะปรับโทเคนโนมิกส์ให้ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนมูลค่าในอนาคต

5. เหรียญ ATOM มีความแตกต่างจาก Polkadot (DOT) อย่างไรในแง่ของเทคโนโลยีและปรัชญา?

จุดต่างหลักคือปรัชญาและความมั่นคง:

  • Cosmos (ATOM): เน้นบล็อกเชนอิสระ แต่ละตัวมีมั่นคงเองและเลือกใช้ Interchain Security เชื่อมด้วย IBC
  • Polkadot (DOT): เน้นมั่นคงร่วม Parachains ได้รับปกป้องจาก Relay Chain อัตโนมัติ เชื่อมด้วย XCM

Cosmos ยืดหยุ่นกว่าในการปรับแต่ง ส่วน Polkadot เน้นมั่นคงรวมศูนย์

6. การลงทุนในเหรียญ ATOM มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยควรรู้?

นอกจากผันผวนและเทคนิคทั่วไป ชาวไทยควรระวัง:

  • กฎ ก.ล.ต. ไทย: การเปลี่ยนนโยบายอาจกระทบตลาด แม้ Bitkub ได้รับอนุมัติ
  • ภาษีกำไร: กำไรจากคริปโตต้องเสียภาษีตามกฎไทย
  • แพลตฟอร์ม: ใช้ exchange ที่ไม่ได้รับอนุมัติเสี่ยงกฎหมายและคุ้มครอง

7. มีโปรเจกต์ใดบ้างที่น่าสนใจกำลังพัฒนาอยู่บน Cosmos SDK?

โครงการเด่นๆ ได้แก่:

  • Osmosis (OSMO): DeFi และ DEX ชั้นนำ
  • Cronos (CRO): บล็อกเชน EVM จาก Crypto.com
  • Kava (KAVA): DeFi สำหรับกู้ยืมและ stablecoin
  • Injective (INJ): บล็อกเชนเฉพาะ DeFi

มีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่อง แสดงถึงความหลากหลายและศักยภาพของระบบ

8. อัตราเงินเฟ้อของเหรียญ ATOM มีผลต่อมูลค่าในอนาคตอย่างไร?

เงินเฟ้อ ATOM ออกแบบเพื่อกระตุ้น staking ถ้าสูงและอุปทานเพิ่มต่อเนื่อง อาจกดมูลค่าลงในระยะยาว หากไร้กลไกเผาหรือสร้างมูลค่า แต่ ATOM 2.0 มุ่งลดเงินเฟ้อและเพิ่มคุณค่า ถ้าสำเร็จจะช่วยยกระดับมูลค่า

9. หน่วยงานกำกับดูแลในประเทศไทยมีท่าทีอย่างไรต่อการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง ATOM?

ก.ล.ต. ไทยกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกป้องนักลงทุนและป้องกันฟอกเงิน ตลาดอย่าง Bitkub และ Satang Pro ได้รับใบอนุญาต แต่ ก.ล.ต. เตือนถึงความเสี่ยงสูงของคริปโต และติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด

10. ควรใช้ Wallet แบบใดในการเก็บเหรียญ ATOM ให้ปลอดภัยที่สุด?

Hardware Wallet อย่าง Ledger หรือ Trezor เป็นตัวเลือกปลอดภัยสุดเพราะ offline ยากต่อการแฮก

Software Wallet ที่ควบคุม private key เองอย่าง Keplr ซึ่งออกแบบสำหรับ Cosmos ก็ดี แต่เก็บใน exchange อย่าง Bitkub สะดวกแต่เสี่ยงแฮก ไม่เหมาะสำหรับจำนวนมากระยะยาว

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *