บทนำ: ทำไมต้องเลือกลงทุนในกองทุนรวม?
ในสมัยนี้ การลงทุนไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวสำหรับใครอีกต่อไป โดยเฉพาะกองทุนรวมที่กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ไม่ว่าจะมือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ เพราะช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี และมอบโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญมาจัดการพอร์ตลงทุนแทนคุณเอง ด้วยกองทุนรวม คุณสามารถเข้าถึงสินทรัพย์หลากหลายอย่างหุ้น พันธบัตร หรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ โดยใช้เงินทุนเริ่มต้นไม่มาก ซึ่งถ้าลงทุนตรงด้วยตัวเองอาจจะยุ่งยากและต้องใช้ทุนสูงกว่า

การเลือกธนาคารสำหรับลงทุนกองทุนรวมจึงเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ เพราะธนาคารไม่ใช่แค่ช่องทางซื้อขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแพลตฟอร์ม เครื่องมือวิเคราะห์ และคำปรึกษาที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จะมาช่วยคลายข้อสงสัยเรื่อง “กองทุนรวมธนาคารไหนดี” และแนะนำวิธีหาธนาคารที่ตรงกับแผนการเงินของคุณในช่วงปี 2567-2568 โดยพิจารณาจากทุกมุมมอง
กองทุนรวมธนาคารไหนดี? ภาพรวมธนาคารชั้นนำในไทย
ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในไทยหลายแห่งต่างมีบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ในเครือของตัวเอง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสายอนุรักษ์นิยมหรือสายเสี่ยงสูง การเลือกธนาคารที่ใช่จึงต้องดูหลายปัจจัย เช่น ความน่าเชื่อถือ ศักยภาพผลตอบแทน ค่าใช้จ่าย และความสะดวกในการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์

ธนาคารที่โดดเด่นในตลาดกองทุนรวมไทย ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Krungsri), ธนาคารกสิกรไทย (KBank) และธนาคารกรุงเทพ (BBL) แต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและกองทุนยอดฮิตที่แตกต่างกัน หากคุณเข้าใจภาพรวมเหล่านี้ จะช่วยให้การเลือกตัดสินใจง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
เกณฑ์สำคัญในการเลือกกองทุนรวมและธนาคาร
การหากองทุนรวมและธนาคารที่เหมาะสมต้องอาศัยการพิจารณาหลายด้าน เพื่อให้ตรงกับแผนการเงินและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ โดยรวมแล้ว เกณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการลงทุนแบบสุ่มสี่สุ่มห้า

ผลตอบแทนย้อนหลังและความผันผวน
ผลตอบแทนในอดีตเป็นเครื่องชี้วัดที่บอกถึงประสิทธิภาพของกองทุนได้ดี แต่จำไว้ว่า มันไม่ได้การันตีผลลัพธ์ในอนาคตเสมอไป คุณควรดูควบคู่กับระดับความผันผวนหรือความเสี่ยง โดยใช้อัตราส่วนอย่างค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) หรือ Beta ของกองทุนนั้นๆ ถ้ากองทุนให้ผลตอบแทนดีแต่ผันผวนน้อย นั่นนับเป็นสัญญาณบวก แต่โดยทั่วไป ผลตอบแทนที่สูงกว่ามักมาพร้อมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วย สำหรับข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถหาได้จากเว็บไซต์ของบลจ. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
ค่าธรรมเนียมและการจัดการ
ค่าธรรมเนียมมีบทบาทสำคัญต่อผลตอบแทนจริงที่คุณจะได้รับในระยะยาว เพราะมันค่อยๆ กินกำไรไปทีละน้อย ค่าธรรมเนียมหลักที่ควรรู้จักมีดังนี้
- ค่าธรรมเนียมการซื้อ (Front-end Fee): เรียกเก็บตอนที่คุณซื้อหน่วยลงทุน
- ค่าธรรมเนียมการขายคืน (Back-end Fee): เรียกเก็บเมื่อคุณขายหน่วยลงทุนคืน
- ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee): ค่าใช้จ่ายรายปีสำหรับการดูแลกองทุน
- ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ (Trustee Fee): ค่าบริการจากธนาคารที่ดูแลผลประโยชน์
ถ้าค่าธรรมเนียมสูงเกินไป อาจทำให้ผลตอบแทนสุทธิลดลง ดังนั้น การเปรียบเทียบระหว่างกองทุนที่คล้ายคลึงกันจึงจำเป็นมาก โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว
ประเภทกองทุนที่หลากหลาย
ธนาคารและบลจ. แต่ละแห่งนำเสนอกองทุนรวมหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีนโยบายและระดับความเสี่ยงต่างกันไป เพื่อให้คุณเลือกได้ตามสไตล์การลงทุน
- กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund): เน้นตราสารหนี้ระยะสั้น ความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับเก็บเงินชั่วคราว
- กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund): ลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ ความเสี่ยงปานกลางแต่ค่อนข้างมั่นคง
- กองทุนรวมหุ้น (Equity Fund): เน้นหุ้น ความเสี่ยงสูง แต่มีโอกาสให้ผลตอบแทนโดดเด่น
- กองทุนรวมผสม (Mixed Fund): ผสมผสานหุ้นและตราสารหนี้ ปรับสัดส่วนตามสภาวะตลาด
- กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund/REITs): ลงทุนในอสังหาฯ หรือสิทธิเช่า
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF): ออกแบบเพื่อสิทธิลดหย่อนภาษี พร้อมเงื่อนไขถือครองเฉพาะ
การเลือกประเภทกองทุนควรยึดตามเป้าหมายทางการเงินและความอดทนต่อความเสี่ยงของคุณ เช่น ถ้าคุณต้องการความมั่นคง ก็เลือกกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก
นโยบายการลงทุนที่ชัดเจน
ก่อนตัดสินใจ คุณควรอ่านนโยบายการลงทุนของกองทุนให้ละเอียด เพื่อเข้าใจวัตถุประสงค์ ประเภทสินทรัพย์ สัดส่วนลงทุน กลยุทธ์การจัดการ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น นโยบายที่โปร่งใสและชัดเจนจะช่วยให้คุณมั่นใจว่ากองทุนนั้นสอดคล้องกับแผนของคุณจริงๆ โดยเฉพาะในช่วงตลาดที่ผันผวน
ความน่าเชื่อถือของธนาคาร/บลจ.
ความน่าเชื่อถือของธนาคารหรือบลจ. เป็นพื้นฐานสำคัญ ธนาคารที่มีชื่อเสียงและประวัติยาวนานมักมีฐานะการเงินแข็งแกร่งและระบบจัดการที่ดี นอกจากนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบลจ. อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการลงทุน
เจาะลึกเปรียบเทียบ: กองทุนรวมเด่นของแต่ละธนาคาร (2567-2568)
ตลาดกองทุนรวมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น การเลือกธนาคารที่มีกองทุนตรงใจและเข้ากับแนวโน้มตลาดในปี 2567-2568 จึงเป็นกุญแจสำคัญ มาดูกันว่าธนาคารชั้นนำในไทยมีอะไรน่าสนใจบ้าง โดยเน้นจุดเด่นและกองทุนที่กำลังมาแรง
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ SCBAM
ธนาคารไทยพาณิชย์ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) ถือเป็นผู้นำตลาดกองทุนรวมไทย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและได้รับความไว้วางใจมานาน โดยเฉพาะกองทุนที่มุ่งเน้นการเติบโตและโอกาสต่างประเทศ
- จุดเด่น: มีกองทุนลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลกให้เลือกเยอะ รวมถึงกองทุนที่ตามเทรนด์ใหม่ๆ อย่าง ESG หรือเทคโนโลยี นอกจากนี้ กองทุน RMF/SSF ก็ครอบคลุมทุกสไตล์ ช่วยให้นักลงทุนกระจายพอร์ตได้กว้าง
- แพลตฟอร์ม: SCB Easy App เป็นเครื่องมือหลักที่ใช้งานสะดวก มีฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนครบครัน สามารถเช็คพอร์ตและข้อมูลกองทุนได้ทุกที่
- คำถามที่พบบ่อย: “ซื้อกองทุนรวม SCB ขั้นต่ํากี่บาท” ส่วนใหญ่กองทุน SCBAM หลายตัวเริ่มต้นที่ 1 บาทเท่านั้น ทำให้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลองลงทุนทีละน้อย
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Krungsri) และ Krungsri Asset Management
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (Krungsri Asset Management) เป็นผู้เล่นหลักในตลาด ด้วยกองทุนที่แข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ รวมถึง RMF และ SSF ที่ฮิตมาก
- จุดเด่น: เชี่ยวชาญกองทุนตราสารหนี้และกองทุนผสม โดยเฉพาะ RMF ที่มีผลงานยอดเยี่ยม เช่น Krungsri RMF ที่ลงทุนหุ้นหรือสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อผลตอบแทนระยะยาว เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสมดุล
- แพลตฟอร์ม: Krungsri Mobile App และ Krungsri Asset Management App ช่วยให้ซื้อขายและดูข้อมูลกองทุนได้ง่ายดาย
- การบริการ: มีทีมที่ปรึกษาที่สาขาให้คำแนะนำส่วนตัว และบทวิเคราะห์ตลาดที่อัปเดตเสมอ
ธนาคารกสิกรไทย (KBank) และ KAsset
ธนาคารกสิกรไทย โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (KAsset) เป็นบลจ. ขนาดใหญ่ที่สุดในไทย ครอบคลุมกองทุนทุกประเภทสินทรัพย์
- จุดเด่น: เก่งเรื่อง Active Fund ที่พยายามเอาชนะตลาด รวมถึงกองทุนต่างประเทศและ ESG ที่เติบโตเร็ว KAsset มีกองทุนตามเมกะเทรนด์โลกหลายตัว เช่น เทคโนโลยีหรือพลังงานสะอาด
- แพลตฟอร์ม: K PLUS App และ K-My Funds เป็นแอปที่ใช้งานลื่นไหล มีเครื่องมือวิเคราะห์พอร์ต วางแผนลงทุน และข้อมูลกองทุนแบบละเอียด
- คำถามที่พบบ่อย: “ซื้อกองทุนรวม KBank ตัวไหนดี” ขึ้นกับระดับความเสี่ยงและเป้าหมายของคุณ กองทุนยอดนิยมมักเป็นพวกหุ้นไทยหรือต่างประเทศที่ผลงานดี
ธนาคารอื่นๆ ที่น่าสนใจ (เช่น BBL, TTB)
นอกจากสามธนาคารหลัก ยังมีตัวเลือกอื่นที่น่าจับตามอง เช่น ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ผ่านบลจ. บัวหลวง และธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ผ่านบลจ. ทหารไทย ซึ่งมีกองทุนคุณภาพไม่แพ้กัน
- BBL (บลจ. บัวหลวง): เน้นกองทุนหุ้นคุณค่า และ RMF/SSF ที่ผลงานเด่นหลายกอง
- TTB (บลจ. ทหารไทย): มีกองทุน Multi-Asset และกองทุนต่างประเทศที่ค่าธรรมเนียมคุ้มค่า
ตารางเปรียบเทียบกองทุนรวมธนาคารชั้นนำ (ภาพรวม)
ธนาคาร/บลจ. | จุดเด่นหลัก | ประเภทกองทุนยอดนิยม | ขั้นต่ำการลงทุน (โดยประมาณ) | แพลตฟอร์มดิจิทัล |
---|---|---|---|---|
SCB/SCBAM | กองทุนต่างประเทศ, ESG, เทคโนโลยี | หุ้นต่างประเทศ, RMF/SSF | 1 บาท (บางกองทุน) | SCB Easy App |
Krungsri/Krungsri AM | กองทุนตราสารหนี้, RMF, กองทุนผสม | ตราสารหนี้, RMF หุ้น/ผสม | 500 บาท / 1,000 บาท | Krungsri App, KFS App |
KBank/KAsset | Active Fund, หุ้นต่างประเทศ, ESG | หุ้นไทย/ต่างประเทศ, RMF/SSF | 1 บาท (บางกองทุน) | K PLUS App, K-My Funds |
BBL/บลจ. บัวหลวง | หุ้นคุณค่า, RMF/SSF | หุ้นไทย, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน | 500 บาท / 1,000 บาท | Bualuang mBanking |
TTB/บลจ. ทหารไทย | Multi-Asset, ค่าธรรมเนียมแข่งขันได้ | กองทุนผสม, หุ้นต่างประเทศ | 1 บาท (บางกองทุน) | TTB Touch App |
แพลตฟอร์มการลงทุน: ประสบการณ์ผู้ใช้และการเข้าถึง
ในยุคดิจิทัล แพลตฟอร์มสำหรับลงทุนกองทุนรวมมีบทบาทสำคัญไม่แพ้ตัวกองทุน เพราะประสบการณ์ผู้ใช้ (UI/UX) และความสะดวกในการเข้าถึง สามารถกำหนดว่าคุณจะลงทุนต่อเนื่องหรือไม่
รีวิวการใช้งานแอปพลิเคชัน (App UI/UX)
ธนาคารส่วนใหญ่พัฒนาแอปมือถือสำหรับซื้อขายกองทุนรวม ซึ่งแต่ละตัวมีจุดแข็งและจุดที่ควรปรับปรุงต่างกัน
- SCB Easy App: ได้รับคำชมเรื่องความครบถ้วนและใช้งานไม่ซับซ้อน มีส่วนลงทุนแยกชัดเจน ช่วยให้ติดตามพอร์ตและทำธุรกรรมได้รวดเร็ว
- K PLUS App และ K-My Funds: K PLUS เป็นแอปหลักที่รวมฟีเจอร์ลงทุนไว้ ขณะที่ K-My Funds เน้นเฉพาะกองทุน มีเครื่องมือวิเคราะห์ลึกซึ้ง เหมาะกับคนที่ชอบข้อมูลเชิงลึก
- Krungsri Mobile App: อัปเดตต่อเนื่องเพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมและเข้าถึงข้อมูลกองทุน
นักลงทุนไทยมักให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย การแสดงข้อมูลที่เข้าใจง่าย และความเร็วในการประมวลผล ซึ่งแอปเหล่านี้ตอบโจทย์ได้ดีในระดับหนึ่ง
ช่องทางการเปิดบัญชีและทำธุรกรรมออนไลน์
การเปิดบัญชีกองทุนรวมในปัจจุบันง่ายและรวดเร็วกว่าสมัยก่อนมาก ธนาคารชั้นนำหลายแห่งมีบริการที่ตอบคำถาม “เปิดบัญชีกองทุนรวมที่ไหนดี” ผ่านออนไลน์เต็มรูปแบบ
- เปิดบัญชีออนไลน์: ทำได้ผ่านแอปของธนาคาร โดยไม่ต้องไปสาขา แค่มีบัญชีเงินฝากและยืนยันตัวตนด้วยระบบดิจิทัลอย่าง NDID ก็พอ
- ทำธุรกรรมออนไลน์: ซื้อ ขาย หรือสลับหน่วยลงทุนได้ 24 ชั่วโมงผ่านแอป ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ยุ่ง
การสนับสนุนลูกค้าและแหล่งความรู้
บริการลูกค้าที่ดีคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ ธนาคารส่วนใหญ่มีช่องทางติดต่อหลากหลาย เช่น คอลเซ็นเตอร์ Live Chat บนเว็บหรือแอป นอกจากนี้ ยังมีเนื้อหาการศึกษาอย่างบทความ วิดีโอ หรือเวิร์กช็อปออนไลน์ เพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าใจกองทุนรวมมากขึ้น และตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำสำหรับมือใหม่
การลงทุนกองทุนรวมไม่ใช่แค่เลือกกองที่ดี แต่ต้องมีกลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเองด้วย เพื่อให้การลงทุนยั่งยืนและตรงเป้า
การจับคู่กองทุนกับเป้าหมายการเงิน
ก่อนเริ่ม คุณควรกำหนดเป้าหมายชัดเจน เช่น เพื่อเกษียณ การศึกษา หรือซื้อบ้าน
- เกษียณอายุ: เลือก RMF หรือ SSF ที่ลงทุนสินทรัพย์เติบโตสูงอย่างกองทุนหุ้น เพื่อสะสมความมั่งคั่งสำหรับวัยเกษียณ
- การศึกษาบุตร: ถ้าระยะเวลายาว (10 ปี+) กองทุนหุ้นหรือผสมที่มีหุ้นเยอะจะให้ผลตอบแทนดี
- ซื้อบ้าน/เป้าหมายระยะสั้น-ปานกลาง: กองทุนตราสารหนี้หรือผสมที่ผันผวนน้อย ช่วยรักษาเงินทุนได้ดี
สำหรับคำถาม “กองทุนรวม ต้องถือกี่ปี” มันขึ้นกับประเภทและเป้าหมาย RMF/SSF มีกฎภาษีกำหนด ส่วนกองทุนทั่วไป การถือยาวช่วยลดความเสี่ยงจากตลาดผันผวน
DCA (Dollar-Cost Averaging) กับกองทุนรวม
DCA หรือการลงทุนถัวเฉลี่ยต้นทุน เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะช่วยลดความเสี่ยงโดยลงทุนเงินเท่าๆ กันทุกเดือน ไม่ว่าจะตลาดขึ้นหรือลง
- ข้อดี: ไม่ต้องกังวลเรื่องจังหวะตลาด และได้ราคาเฉลี่ยที่สมเหตุสมผลในระยะยาว
- วิธีปฏิบัติ: ตั้งระบบหักเงินอัตโนมัติผ่านแอปธนาคาร เพื่อลงทุนกองทุนที่เลือกทุกเดือน
ข้อควรระวังและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป
แม้กองทุนรวมจะมีผู้จัดการมืออาชีพ แต่ความเสี่ยงยังมีอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่ควรระวัง
- อย่าลงทุนตามกระแส: อย่าไล่ซื้อกองทุนที่ฮิตจากผลตอบแทนเก่าๆ โดยไม่ศึกษาลึก อาจติดดอยได้ง่าย
- ทำความเข้าใจความเสี่ยง: ทุกกองทุนมีความเสี่ยงต่างกัน ทำแบบทดสอบเพื่อหาความเสี่ยงที่เหมาะกับคุณ
- กระจายความเสี่ยง: อย่าใส่เงินหมดในกองเดียว ควรกระจายไปหลายประเภทหรือบลจ.
- ตรวจสอบผลงานอย่างสม่ำเสมอ: ทบทวนพอร์ตปีละครั้ง เพื่อปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง
สรุป: เลือกธนาคารที่ใช่สำหรับกองทุนรวมของคุณ
การเลือก “กองทุนรวมธนาคารไหนดี” เป็นเรื่องส่วนตัว ขึ้นกับความต้องการของคุณ ไม่มีธนาคารไหนดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่มีตัวที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณเสมอ
สรุปปัจจัยหลักที่ควรทบทวน:
- เป้าหมายและระดับความเสี่ยง: ลงทุนเพื่ออะไร? รับความเสี่ยงได้เท่าไหร่?
- ประเภทกองทุน: ธนาคารนั้นมีกองทุนที่ตรงใจและเป้าหมายหรือไม่?
- ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบค่าจัดการและค่าอื่นๆ ให้คุ้มค่า
- ผลตอบแทนย้อนหลัง: ดูอดีตประกอบ แต่คำนึงถึงความผันผวนด้วย
- แพลตฟอร์มและบริการ: แอปใช้งานสะดวกไหม? บริการลูกค้าดีแค่ไหน?
ในปี 2567-2568 การมีข้อมูลครบและแพลตฟอร์มทันสมัยคือหัวใจของการลงทุน เลือกธนาคารที่น่าเชื่อถือ มีผลิตภัณฑ์ตรงโจทย์ และเครื่องมือช่วยให้ลงทุนง่าย เพื่อให้แผนกองทุนรวมของคุณสำเร็จตามที่หวัง
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
กองทุนรวมธนาคารไหนดีที่สุดสำหรับมือใหม่?
สำหรับมือใหม่ ธนาคารที่ใช้งานง่ายและมีกองทุนเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อย (เช่น 1 บาท) จะเป็นตัวเลือกที่ดี โดยทั่วไป SCB (SCBAM) และ KBank (KAsset) มักถูกแนะนำเนื่องจากมีแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย และมีกองทุนที่หลากหลายสำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงกองทุนรวมตลาดเงินที่ความเสี่ยงต่ำ
ซื้อกองทุนรวม SCB ขั้นต่ํากี่บาท และมีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง?
โดยทั่วไป กองทุนรวมของ SCBAM หลายกองทุนมีขั้นต่ำในการลงทุนครั้งแรกเพียง 1 บาท (สำหรับกองทุนประเภทเปิด) ทำให้เข้าถึงง่ายสำหรับนักลงทุนทุกกลุ่ม ส่วนค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปในแต่ละกองทุน แต่หลักๆ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) ค่าธรรมเนียมการซื้อ (Front-end Fee) และค่าธรรมเนียมการขายคืน (Back-end Fee) ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้จากหนังสือชี้ชวนของแต่ละกองทุน
เปิดบัญชีกองทุนรวมที่ไหนดีที่สุด ทั้งแบบออนไลน์และที่สาขา?
การเปิดบัญชีกองทุนรวมสามารถทำได้ทั้งแบบออนไลน์และที่สาขาของธนาคารชั้นนำทุกแห่ง เช่น SCB, KBank, Krungsri หากต้องการความสะดวกและรวดเร็ว การเปิดบัญชีออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารนั้นๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยใช้การยืนยันตัวตนผ่าน NDID ส่วนการเปิดที่สาขาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่โดยตรง
ควรเลือกลงทุนใน RMF หรือ SSF กับธนาคารใดดีเพื่อลดหย่อนภาษี?
การเลือกลงทุนใน RMF หรือ SSF เพื่อลดหย่อนภาษี ควรพิจารณาจากนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้นๆ ที่สอดคล้องกับความเสี่ยงและเป้าหมายของคุณ ธนาคารชั้นนำทุกแห่งมีกองทุน RMF และ SSF ให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนผสม คุณสามารถเปรียบเทียบผลตอบแทนย้อนหลังและค่าธรรมเนียมของกองทุนประเภทเดียวกันจาก บลจ. ต่างๆ ก่อนตัดสินใจ
กองทุนรวมแต่ละประเภทเหมาะกับใคร และมีธนาคารใดบ้างที่มีกองทุนเด่น?
- กองทุนตลาดเงิน/ตราสารหนี้: เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ต้องการพักเงิน หรือลงทุนระยะสั้น Krungsri Asset Management มีชื่อเสียงด้านกองทุนตราสารหนี้
- กองทุนหุ้น: เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง ต้องการผลตอบแทนสูงในระยะยาว SCBAM และ KAsset มีกองทุนหุ้นทั้งไทยและต่างประเทศที่โดดเด่น
- กองทุนผสม: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ TTB Asset Management มีกองทุน Multi-Asset ที่น่าสนใจ
การลงทุนในกองทุนรวมต้องถือกี่ปีถึงจะคุ้มค่า?
ไม่มีระยะเวลาถือครองที่ตายตัวสำหรับกองทุนรวมทั่วไป แต่โดยหลักการแล้ว การลงทุนในกองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุนหุ้น ควรเป็นการลงทุนระยะยาว (ตั้งแต่ 3-5 ปีขึ้นไป) เพื่อให้กองทุนมีเวลาสร้างผลตอบแทนและลดผลกระทบจากความผันผวนระยะสั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับกองทุน RMF และ SSF จะมีเงื่อนไขการถือครองตามที่กรมสรรพากรกำหนดเพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษี
แอปพลิเคชันของธนาคารไหนใช้งานง่ายที่สุดสำหรับการซื้อขายกองทุนรวม?
จากประสบการณ์ผู้ใช้งานในประเทศไทย SCB Easy App และ K PLUS App (รวมถึง K-My Funds) มักถูกกล่าวถึงว่ามีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ฟังก์ชันการซื้อขายครบครัน และการแสดงผลข้อมูลพอร์ตการลงทุนที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ความง่ายในการใช้งานเป็นเรื่องส่วนบุคคล แนะนำให้ลองดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของแต่ละธนาคารมาทดลองใช้งานก่อนตัดสินใจ
ถ้าอยากลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ ควรเลือกธนาคารใด?
หากต้องการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ SCBAM และ KAsset เป็นสอง บลจ. ที่มีกองทุนต่างประเทศให้เลือกหลากหลายและครอบคลุมทั่วโลก ทั้งในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ตลาดเกิดใหม่ หรือกองทุนที่เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมเฉพาะ (Sector Fund) ที่อิงกับเมกะเทรนด์โลก คุณสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
กองทุนวายุภักษ์ซื้อยังไง และธนาคารไหนมีบริการนี้?
กองทุนเปิดวายุภักษ์หนึ่ง เป็นกองทุนรวมที่บริหารโดย บลจ. เอ็มเอฟซี และ บลจ. กรุงไทย ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมเนื่องจากเป็นการลงทุนที่ภาครัฐให้การสนับสนุน การซื้อกองทุนวายุภักษ์สามารถทำได้ผ่านตัวแทนจำหน่ายที่เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยส่วนใหญ่จะเปิดให้จองซื้อในช่วงเวลาที่กำหนด
ถ้าต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำเรื่องกองทุนรวม ควรติดต่อธนาคารอย่างไร?
คุณสามารถติดต่อธนาคารที่คุณสนใจได้หลายช่องทาง เช่น โทรศัพท์ผ่าน Call Center ของธนาคารนั้นๆ, เข้าไปที่สาขาเพื่อขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน หรือใช้ช่องทางออนไลน์ผ่าน Live Chat บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของธนาคาร นอกจากนี้ บลจ. ของแต่ละธนาคารก็มีช่องทางการติดต่อและเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกองทุนรวมของตนเอง