บทนำ: เทรด Forex ในไทย ต้องเสียภาษีจริงหรือ?
การลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Forex กำลังได้รับความสนใจจากคนไทยจำนวนมาก ด้วยศักยภาพในการสร้างรายได้ที่ดึงดูดใจ แต่หลายคนยังคงลังเลกับประเด็นภาษี โดยเฉพาะคำถามที่ว่า การเทรด Forex ในไทยต้องเสียภาษีหรือไม่ คำตอบตรงๆ คือ ใช่ ต้องเสียภาษี เพราะถือเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ ตามที่กรมสรรพากรระบุไว้ในประมวลรัษฎากร รายได้จากการเทรด Forex จึงเป็นส่วนหนึ่งของเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ดังนั้น การศึกษากฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้องกับการเทรด Forex ในไทยจึงจำเป็นมาก เพื่อให้การลงทุนของคุณดำเนินไปอย่างถูกต้องและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง บทความนี้จะเป็นคู่มือครบถ้วนสำหรับนักเทรดชาวไทย โดยครอบคลุมตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับประเภทรายได้ วิธีคำนวณภาษี ขั้นตอนการยื่นแบบภาษี ไปจนถึงข้อควรระวัง บทลงโทษกรณีละเมิดกฎหมาย รวมถึงการเปรียบเทียบกับภาษีจากคริปโตเคอร์เรนซี และประเด็นสำคัญเกี่ยวกับโบรกเกอร์ยอดนิยมในปี 2567 และ 2568 ซึ่งจะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ทำความเข้าใจ “เงินได้จากการเทรด Forex” ตามกฎหมายไทย
ในระบบภาษีของไทย รายได้จากการเทรด Forex ถูกจัดให้เป็นเงินได้พึงประเมิน ซึ่งหมายความว่าต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยปกติแล้ว รายได้ประเภทนี้จะตกอยู่ภายใต้มาตรา 40(4) หรือ 40(8) ของประมวลรัษฎากร ขึ้นอยู่กับลักษณะการได้รับ ซึ่งแต่ละมาตราก็มีวิธีคำนวณและการหักค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน เพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูรายละเอียดกัน

สำหรับบุคคลธรรมดาที่ทำการเทรด Forex รายได้ที่ได้จะถูกนับเป็นรายได้ส่วนตัว และต้องรวมกับแหล่งเงินได้อื่นๆ เช่น เงินเดือนหรือรายได้เสริมจากงานอื่น แต่หากการเทรดเกิดขึ้นในนามของนิติบุคคล เช่น บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด รายได้นั้นจะกลายเป็นรายได้ของกิจการ และต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมีอัตราภาษีและขั้นตอนที่แตกต่างจากบุคคลธรรมดาอย่างสิ้นเชิง การแยกแยะความแตกต่างนี้ช่วยให้คุณวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระที่ไม่จำเป็น และหลีกเลี่ยงความสับสนในกระบวนการ
ประเภทของเงินได้จาก Forex ที่ต้องเสียภาษี
รายได้จากการเทรด Forex ไม่ได้จำกัดอยู่ที่กำไรจากการซื้อขายตรงๆ เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงรูปแบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแต่ละประเภทอาจส่งผลต่อการพิจารณาภาษีต่างกันไป เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ลองพิจารณาประเภทหลักๆ ดังนี้

- กำไรจากการซื้อขาย Forex โดยตรง (Direct Trading Profit): นี่คือรายได้หลักที่มาจากการเก็งกำไรในความผันนผวนของคู่สกุลเงิน ถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีอย่างชัดเจน
- ค่าคอมมิชชั่นจากโปรแกรม IB (Introducer Broker Commission): ถ้าคุณชวนคนอื่นมาร่วมเทรดกับโบรกเกอร์และได้ค่าตอบแทนจากการแนะนำ ค่าดังกล่าวก็เป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี อาจจัดอยู่ในมาตรา 40(2) หรือ 40(8)
- รายได้จาก Prop Firm (Proprietary Trading Firm): เมื่อคุณใช้ทุนจากบริษัท Prop Firm ในการเทรดและแบ่งกำไร รายได้ส่วนนี้ถือเป็นค่าตอบแทนจากการทำงานหรือบริการที่ต้องนำมาคำนวณภาษี
- ส่วนแบ่งกำไรจากการ Copy Trade หรือ Social Trading: ถ้าคุณให้บริการสัญญาณเทรดหรืออนุญาตให้คนอื่นคัดลอกการเทรดของคุณ และได้ส่วนแบ่งจากกำไรที่เกิดขึ้น รายได้นี้คือค่าบริการที่ต้องเสียภาษี
- ดอกเบี้ยหรือเงินปันผลจากบัญชีเทรด: แม้จะไม่ค่อยพบในบัญชี Forex ทั่วไป แต่ถ้ามีรายได้จากดอกเบี้ยหรือเงินปันผลในบัญชี ก็ต้องรวมในการคำนวณภาษีเช่นกัน
การรู้จักประเภทเหล่านี้ช่วยให้คุณเตรียมเอกสารและคำนวณภาษีได้ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อรายได้มาจากหลายช่องทาง
การคำนวณภาษี Forex: กำไร-ขาดทุน คิดอย่างไร?
กระบวนการคำนวณภาษีจากการเทรด Forex เริ่มจากการหาผลกำไรสุทธิหรือ Net Profit ตลอดปีภาษี โดยหลักๆ แล้ว กำไรสุทธิคือรายรับรวมจากการเทรด ลบด้วยรายจ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขายอย่าง Spread หรือ Commission รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่พิสูจน์ได้ว่าจำเป็นต่อการสร้างรายได้
หลักการคำนวณพื้นฐาน:
- กำไร: รวมเฉพาะกำไรจากสถานะที่ปิดแล้วทั้งหมด
- ขาดทุน: รวมขาดทุนจากสถานะที่ปิดแล้วทั้งหมด
- ค่าใช้จ่าย: สามารถหักค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ค่า Swap หรือค่าใช้จ่ายโดยตรงที่เกี่ยวข้องกับการเทรด
ตัวอย่างการคำนวณ (สมมติฐาน): สมมติว่านาย ก. มีกำไรจากการเทรด Forex รวม 500,000 บาท ในปี 2567 ขณะที่มีขาดทุน 150,000 บาท และค่าคอมมิชชั่นกับค่าธรรมเนียมรวม 20,000 บาท
- กำไรสุทธิจากการเทรด: 500,000 – 150,000 – 20,000 = 330,000 บาท
จำนวน 330,000 บาทนี้จะถูกนำมารวมกับรายได้อื่นๆ ของนาย ก. เพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อไป
การจัดการขาดทุน: โดยทั่วไป ขาดทุนจากการเทรด Forex ไม่สามารถนำไปหักกับรายได้ประเภทอื่นๆ ได้ และไม่สามารถสะสมไปหักในปีถัดไป แต่ถ้ากำไรและขาดทุนเกิดในปีเดียวกัน สามารถนำมาลบกันเพื่อหาสุทธิที่แท้จริง ซึ่งช่วยลดจำนวนที่ต้องเสียภาษีได้ในบางกรณี
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการเทรด Forex
หลังจากได้กำไรสุทธิจากการเทรด Forex แล้ว จำนวนนี้จะรวมกับรายได้อื่นๆ เช่น เงินเดือน ค่าเช่าหรือรายได้ฟรีแลนซ์ เพื่อหาเงินได้สุทธิ หลังหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนต่างๆ แล้ว เงินได้สุทธิจะถูกนำมาคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้าของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในไทย ดังตารางด้านล่าง
เงินได้สุทธิ (บาท) | อัตราภาษี (%) |
---|---|
1 – 150,000 | ยกเว้น |
150,001 – 300,000 | 5 |
300,001 – 500,000 | 10 |
500,001 – 750,000 | 15 |
750,001 – 1,000,000 | 20 |
1,000,001 – 2,000,000 | 25 |
2,000,001 – 5,000,000 | 30 |
5,000,001 ขึ้นไป | 35 |
ที่มา: กรมสรรพากร: ข้อมูลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
นักเทรดที่มีกำไรสูงจึงอาจตกอยู่ในอัตราภาษีที่สูงขึ้น การวางแผนล่วงหน้า เช่น การกระจายรายได้หรือใช้สิทธิลดหย่อน จะช่วยจัดการภาระภาษีให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เทรดเป็นอาชีพเสริม
ขั้นตอนการยื่นภาษี Forex ในประเทศไทย (ปี 2567/2568)
การยื่นภาษีจากรายได้เทรด Forex เป็นหน้าที่ของทุกคนที่มีรายได้เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้ เพื่อให้กระบวนการราบรื่น
- รวบรวมข้อมูลการเทรด:
- รายงานการซื้อขาย (Trading Report): ดาวน์โหลดสรุปรายการซื้อขายจากโบรกเกอร์ ซึ่งแสดงกำไร ขาดทุน ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายทั้งปี
- Bank Statement: ถ้ามีการถอนเงินจากโบรกเกอร์เข้าบัญชีธนาคารไทย ควรเก็บหลักฐานโอนเงินเพื่อยืนยันแหล่งที่มา
- หลักฐานรายได้อื่นๆ: เช่น เอกสารจาก Prop Firm, ค่าคอมมิชชั่น IB หรือส่วนแบ่งจาก Copy Trade
- คำนวณกำไรสุทธิ: ใช้ข้อมูลที่รวบรวมมาหาสุทธิที่ต้องนำมารวมกับรายได้อื่น
- กรอกแบบแสดงรายการภาษี:
- บุคคลธรรมดา: ใช้แบบ ภ.ง.ด.90 สำหรับผู้มีรายได้หลายประเภท (เหมาะกับ Forex) หรือ ภ.ง.ด.91 สำหรับเงินเดือนอย่างเดียว โดยระบุรายได้ Forex ในช่องเงินได้อื่นๆ หรือมาตรา 40(8)
- ตัวอย่างแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.90
- ยื่นภาษี:
- ยื่นออนไลน์: ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว
- ยื่นด้วยตนเอง: ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ใกล้บ้าน
- ชำระภาษี (ถ้ามี): ชำระผ่านธนาคาร ตู้ ATM หรือออนไลน์ หากมีภาษีต้องจ่าย
กำหนดเวลายื่นภาษี: สำหรับบุคคลธรรมดา ต้องยื่นภายใน 31 มีนาคม ของปีถัดไป (เช่น ปี 2567 ยื่นภายใน 31 มีนาคม 2568) ถ้ายื่นออนไลน์ อาจขยายเวลาได้เล็กน้อย การเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้ไม่พลาดเดดไลน์
ความแตกต่างของภาษี Forex กับภาษีคริปโตในไทย
ทั้ง Forex และคริปโตเคอร์เรนซีเป็นการลงทุนที่คล้ายกันในแง่ความผันผวนและการซื้อขายออนไลน์ แต่กฎหมายภาษีไทยมองทั้งสองต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลต่อวิธีจัดการภาษี
คุณสมบัติ | Forex | คริปโตเคอร์เรนซี (สินทรัพย์ดิจิทัล) |
---|---|---|
กฎหมายกำกับดูแล | ไม่มีกฎหมายเฉพาะเจาะจง กำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ด้านอัตราแลกเปลี่ยน) | มี พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล กำกับดูแลโดย ก.ล.ต. |
ประเภทเงินได้ | มักจัดเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(4) หรือ 40(8) | มาตรา 40(4) (ง) แห่งประมวลรัษฎากร (เงินได้จากสินทรัพย์ดิจิทัล) |
การหักค่าใช้จ่าย | หักได้ตามจริงที่เกี่ยวข้องกับการสร้างรายได้ | หักได้ตามจริงที่เกี่ยวข้องกับการสร้างรายได้ |
การหักขาดทุน | ไม่สามารถหักขาดทุนข้ามปีได้ | สามารถหักขาดทุนเฉพาะในประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลได้ |
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย | ไม่มี | มีภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% (สำหรับกำไรที่เกิดจากการซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศ) |
ที่มา: สำนักงาน ก.ล.ต.: ข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัล
จุดต่างหลักคือ คริปโตถูกควบคุมโดยพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 และมีภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% สำหรับกำไรจากแพลตฟอร์มในไทย (ปัจจุบันยกเว้นชั่วคราว) ในขณะที่ Forex ไม่มีภาษีหัก ณ ที่จ่าย นักลงทุนต้องคำนวณและยื่นเองทั้งหมด ดังนั้น ถ้าคุณลงทุนทั้งสองตลาด ควรศึกษาความแตกต่างนี้ให้ละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด
โบรกเกอร์ Forex ยอดนิยมในไทย: Exness, XM และประเด็นภาษี
ในไทย โบรกเกอร์ต่างชาติดังอย่าง Exness และ XM ได้รับความนิยมสูง ด้วยบริการที่ใช้งานง่ายและเครื่องมือเทรดที่ครบครัน แต่การใช้โบรกเกอร์เหล่านี้ยังมีประเด็นภาษีที่นักเทรดไทยต้องใส่ใจ เพื่อให้การลงทุนปลอดภัย
- สถานะการกำกับดูแล: โบรกเกอร์เหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้หน่วยงานไทยโดยตรง แต่จดทะเบียนในต่างประเทศ เช่น ไซปรัสหรือเซเชลส์ ดังนั้น กรมสรรพากรอาจไม่ได้รับข้อมูลการเทรดโดยตรงจากโบรกเกอร์
- การถอนเงิน (Withdrawal) และการฝากเงิน (Deposit): การโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารไทยเป็นจุดที่ตรวจสอบง่าย ถ้ามีการโอนจำนวนมากและสม่ำเสมอ อาจดึงดูดการตรวจสอบจากสรรพากร
- รายงานการซื้อขาย: โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีระบบดาวน์โหลดรายงานการเทรด (Trading Statement/Report) ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญสำหรับคำนวณกำไรขาดทุนและยื่นภาษี ควรเก็บไว้ให้ครบถ้วน
- ไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย: โบรกเกอร์ต่างชาติไม่มีหน้าที่หักภาษีจากกำไรของคุณ ดังนั้น คุณต้องรับผิดชอบทั้งหมดในการคำนวณและยื่น
ข้อควรปฏิบัติสำหรับเทรดเดอร์:
- เก็บรายงานการเทรดและหลักฐานฝากถอนจากโบรกเกอร์ให้เรียบร้อย
- คำนวณกำไรขาดทุนเป็นประจำ เพื่อเตรียมพร้อมยื่นภาษี
- จำไว้ว่า แม้โบรกเกอร์อยู่นอกประเทศ แต่ถ้ารายได้เกิดในไทยและนำเงินมาใช้ในประเทศ ก็ต้องเสียภาษีตามกฎหมายไทย
การเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้จะช่วยลดความเสี่ยงด้านภาษี โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องพึ่งพารายงานจากพวกเขา
ผลกระทบหากไม่ชำระภาษี Forex: บทลงโทษและข้อควรระวัง
การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายภาษีจากการเทรด Forex อาจนำมาซึ่งผลเสียรุนแรงจากกรมสรรพากร นักเทรดควรให้ความสำคัญกับการยื่นภาษีให้ถูกต้องและตรงเวลา เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจกระทบต่อการเงินและเสรีภาพในอนาคต
- ค่าปรับ: ถ้ายื่นแบบล่าช้าหรือไม่ยื่นเลย มีค่าปรับทางอาญาสูงสุด 2,000 บาท
- เงินเพิ่ม: ถ้ามีภาษีต้องจ่ายแต่ไม่ชำระตามกำหนด จะเสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนจากยอดภาษี โดยไม่มีเพดานสูงสุด
- เบี้ยปรับ: ถ้าพบการยื่นไม่ถูกต้องหรือรายได้ต่ำกว่าความจริง อาจถูกปรับสูงสุด 2 เท่าของภาษีที่ต้องจ่าย
- ตรวจสอบย้อนหลัง: สรรพากรสามารถตรวจสอบได้ย้อนหลัง 10 ปี ถ้ามีหลักฐานหลีกเลี่ยงภาษีโดยเจตนา ต้องชำระภาษีย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มจำนวนมาก
- คดีอาญา: กรณีร้ายแรงที่มีเจตนาหลีกเลี่ยง อาจถูกดำเนินคดีตามประมวลรัษฎากร มีโทษจำคุกและ/หรือปรับ
ความซื่อสัตย์ในการยื่นภาษีคือกุญแจสำคัญ อย่าคิดว่าโบรกเกอร์ต่างชาติจะช่วยให้หลุดพ้นการตรวจสอบ เพราะเมื่อเงินเข้าสู่ระบบธนาคารไทย ก็มีร่องรอยที่ตามได้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญภาษีตั้งแต่แรกจะช่วยให้คุณปฏิบัติถูกต้องและวางแผนได้ดี
สรุปและข้อแนะนำสำหรับเทรดเดอร์ Forex ชาวไทย
แม้การเทรด Forex ในไทยจะยังขาดกฎหมายเฉพาะสำหรับการซื้อขายโดยตรง แต่รายได้ที่เกิดขึ้นชัดเจนว่าเป็นเงินได้พึงประเมิน ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร ในปี 2567 และปีถัดไปอย่าง 2568 การเข้าใจและปฏิบัติตามจึงเป็นพื้นฐานสำหรับนักเทรดทุกคน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและบทลงโทษ
ข้อแนะนำสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ Forex ชาวไทย:
- ทำความเข้าใจประเภทเงินได้: ตรวจสอบว่ารายได้ของคุณเข้าข่ายมาตรา 40(4) หรือ 40(8) เพื่อคำนวณให้ถูกต้อง
- เก็บหลักฐานให้ครบถ้วน: รวบรวมรายงานเทรดจากโบรกเกอร์ หลักฐานฝากถอน และเอกสารอื่นๆ ตลอดปี
- คำนวณกำไรขาดทุนอย่างแม่นยำ: ใช้ข้อมูลเหล่านี้หาสุทธิสำหรับยื่นภาษี
- ยื่นภาษีให้ถูกต้องและตรงเวลา: ใช้แบบ ภ.ง.ด.90 และยื่นออนไลน์ผ่านกรมสรรพากร
- พิจารณาความแตกต่างกับภาษีคริปโต: ถ้าเทรดทั้งสอง ศึกษาความต่างให้ละเอียด
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ถ้าสงสัย ให้ถามสำนักงานบัญชีหรือนักภาษี เพื่อคำแนะนำเฉพาะบุคคล
ความสำเร็จในการเทรด Forex ไม่ใช่แค่กำไร แต่รวมถึงการจัดการภาษีอย่างมีวินัย เพื่อให้การลงทุนยั่งยืนโดยไม่ต้องกังวล
คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับภาษี Forex ในไทย
1. เทรด Forex ถอนเงินจากโบรกเกอร์ต่างประเทศเข้าบัญชีไทย ต้องเสียภาษีอย่างไร?
เงินที่ถอนจากโบรกเกอร์ต่างประเทศเข้าบัญชีธนาคารในประเทศไทย ถือเป็นเงินได้ที่เกิดขึ้นจากแหล่งเงินได้ในประเทศไทยตามประมวลรัษฎากร ไม่ว่าโบรกเกอร์จะอยู่ที่ใดก็ตาม คุณมีหน้าที่ต้องนำกำไรสุทธิที่เกิดขึ้นมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยใช้หลักฐานการซื้อขายจากโบรกเกอร์และหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชี
2. ถ้าฉันเป็นพนักงานประจำอยู่แล้ว และเทรด Forex ได้กำไร ต้องยื่นภาษีรวมกับเงินเดือนไหม?
ใช่ คุณต้องนำกำไรสุทธิจากการเทรด Forex มารวมกับเงินเดือน (เงินได้ตามมาตรา 40(1)) และเงินได้ประเภทอื่นๆ ที่คุณมี เพื่อคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในแบบ ภ.ง.ด.90 โดยสามารถกรอกเงินได้จากการเทรด Forex ในช่อง “เงินได้อื่นๆ” หรือ “เงินได้ตามมาตรา 40(8)”
3. มีค่าลดหย่อนภาษีหรือค่าใช้จ่ายใดบ้างที่สามารถนำมาหักลดหย่อนจากรายได้ Forex ได้?
สำหรับรายได้จากการเทรด Forex คุณสามารถหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการสร้างรายได้ เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Spread/Commission), ค่า Swap หรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่โบรกเกอร์เรียกเก็บได้ตามจริง นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้สิทธิค่าลดหย่อนภาษีต่างๆ ที่กฎหมายกำหนดสำหรับบุคคลธรรมดาได้ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหย่อนบุตร เบี้ยประกันชีวิต หรือเงินบริจาค เพื่อลดหย่อนเงินได้สุทธิก่อนคำนวณภาษี
4. การเทรด Forex โดยใช้บัญชีบริษัท (นิติบุคคล) มีข้อดีข้อเสียทางภาษีแตกต่างจากบุคคลธรรมดาอย่างไร?
การเทรดในนามนิติบุคคลจะเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งมีอัตราภาษีคงที่ (ปัจจุบันอยู่ที่ 20% สำหรับกำไรสุทธิเกิน 300,000 บาท และมีข้อยกเว้นสำหรับ SME) ซึ่งอาจต่ำกว่าอัตราภาษีสูงสุดของบุคคลธรรมดา (35%) ข้อดีคือสามารถหักค่าใช้จ่ายได้หลากหลายกว่าและภาพลักษณ์น่าเชื่อถือกว่า แต่ข้อเสียคือมีภาระการทำบัญชีที่ซับซ้อนกว่า มีค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งและดูแลกิจการ และหากต้องการนำกำไรออกมาใช้ส่วนตัว จะต้องเสียภาษีเงินปันผลอีกครั้ง
5. ฉันควรเก็บหลักฐานอะไรบ้างเพื่อใช้ในการยื่นภาษี Forex?
- รายงานการซื้อขาย (Trading Report/Statement) จากโบรกเกอร์ที่แสดงรายละเอียดกำไรขาดทุนและค่าธรรมเนียม
- หลักฐานการฝากและถอนเงิน (Bank Statement) ที่แสดงการโอนเงินเข้า-ออกจากบัญชีโบรกเกอร์
- หลักฐานรายได้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบแจ้งค่าคอมมิชชั่นจาก IB หรือเอกสารส่วนแบ่งกำไรจาก Prop Firm
- เอกสารยืนยันตัวตนและข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ
6. หากเทรด Forex ผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ไม่ใช่โบรกเกอร์ไทย จะยังต้องเสียภาษีในไทยไหม?
ใช่ การเทรดผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศยังคงต้องเสียภาษีในประเทศไทย หากคุณเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและมีเงินได้ที่เกิดขึ้นจากแหล่งในประเทศไทย ไม่ว่าโบรกเกอร์จะจดทะเบียนที่ใดก็ตาม เงินได้ที่เกิดขึ้นจากการเทรด Forex ถือเป็นเงินได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีตามกฎหมายไทย
7. ภาษี Forex มีโอกาสเปลี่ยนแปลงกฎหมายในอนาคตอันใกล้ (เช่น ปี 2568) หรือไม่?
กฎหมายภาษีสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามนโยบายของรัฐบาล แม้ว่าในปัจจุบัน (ปี 2567) จะยังไม่มีการประกาศกฎหมายเฉพาะเจาะจงสำหรับ Forex ที่แตกต่างไปจากหลักการทั่วไปของเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ก็ควรติดตามข่าวสารจากกรมสรรพากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2568 หรือปีต่อๆ ไป เพื่อให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามกฎหมายที่อัปเดตล่าสุด
8. ถ้าฉันไม่ได้แจ้งรายได้ Forex ในปีที่ผ่านมา ควรทำอย่างไรเพื่อแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย?
หากคุณไม่ได้แจ้งรายได้ Forex ในปีที่ผ่านมา ควรติดต่อกรมสรรพากรเพื่อขอคำแนะนำในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติม (ยื่นเพิ่มเติม) หรือยื่นแบบแก้ไข โดยคุณจะต้องชำระภาษีที่ค้างชำระพร้อมกับเงินเพิ่มและเบี้ยปรับตามที่กฎหมายกำหนด การดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องก่อนที่กรมสรรพากรจะเข้ามาตรวจสอบเอง จะช่วยลดความเสี่ยงและบทลงโทษที่รุนแรงได้
9. มีบริการให้คำปรึกษาด้านภาษี Forex โดยเฉพาะในประเทศไทยหรือไม่?
มีสำนักงานบัญชีและผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหลายแห่งในประเทศไทยที่ให้บริการคำปรึกษาด้านภาษีสำหรับการลงทุนและการเทรด รวมถึง Forex และสินทรัพย์ดิจิทัล คุณสามารถค้นหาและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เพื่อขอคำแนะนำที่เจาะจงสำหรับสถานการณ์ทางการเงินของคุณ
10. การเทรด Forex แบบ Copy Trade หรือ Social Trading จะต้องคำนวณภาษีต่างจากเทรดเองหรือไม่?
ไม่แตกต่างกันในหลักการพื้นฐาน หากคุณเป็นผู้ที่ Copy Trade และได้กำไร กำไรนั้นก็ถือเป็นเงินได้ของคุณที่ต้องนำมาคำนวณภาษีเช่นเดียวกับการเทรดเอง ส่วนค่าธรรมเนียมหรือส่วนแบ่งที่จ่ายให้กับผู้ให้บริการ Copy Trade สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ หากคุณเป็นผู้ให้บริการสัญญาณและได้รับส่วนแบ่งกำไรจากผู้อื่น ส่วนแบ่งนั้นก็ถือเป็นเงินได้จากการให้บริการที่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเช่นกัน