Core Retail Sales m/m คืออะไร? ตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ในปี 2025

Core Retail Sales m/m คืออะไร? ตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้

สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน เราเชื่อว่าเป้าหมายหนึ่งของการลงทุนคือการทำกำไร และความรู้คือเครื่องมือสำคัญที่จะนำพาคุณไปสู่เป้าหมายนั้น วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจตัวหนึ่งของสหรัฐอเมริกาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง นั่นคือ ยอดขายปลีกพื้นฐานเมื่อเทียบรายเดือน (Core Retail Sales m/m) คุณเคยได้ยินชื่อนี้ไหมครับ?

  • Core Retail Sales จะมีการประกาศทุกเดือน
  • ตัวชี้วัดนี้จะมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน
  • การเข้าใจ Core Retail Sales ช่วยให้การวิเคราะห์เศรษฐกิจแม่นยำขึ้น

ทำความเข้าใจ Core Retail Sales m/m: มันวัดอะไรกันแน่?

Core Retail Sales m/m คือตัวชี้วัดที่รายงานการเปลี่ยนแปลงของมูลค่ายอดขายค้าปลีกทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ตัวเลขนี้จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) เช่น ถ้าตัวเลขรายงานอยู่ที่ 0.5% หมายความว่า ยอดขายปลีกพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนที่แล้ว

ลองนึกภาพตามนะครับว่าคุณกำลังเดินช้อปปิ้ง การใช้จ่ายของคุณในร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือของใช้ในชีวิตประจำวัน ล้วนถูกนับรวมอยู่ในยอดขายค้าปลีกทั้งสิ้น ตัวชี้วัดนี้ก็เหมือนการรวมยอดบิลค่าใช้จ่ายของคนอเมริกันเกือบทั้งประเทศมาดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในแต่ละเดือน

ภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างยอดขายปลีกพื้นฐานและการใช้จ่ายของผู้บริโภค

Core Retail Sales กับ Retail Sales: ความแตกต่างที่สำคัญที่ต้องแยกให้ออก

หลายคนอาจสับสนระหว่าง Core Retail Sales กับ Retail Sales ซึ่งฟังดูคล้ายกัน แต่มีความแตกต่างที่สำคัญมากครับ:

  • Retail Sales (ยอดขายปลีก): ตัวนี้คือยอดขายค้าปลีกทั้งหมดจริงๆ ครับ รวมทุกหมวดหมู่สินค้า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หนังสือ ของใช้ในบ้าน และที่สำคัญคือ รวมยอดขายรถยนต์ และบางครั้งอาจรวมยอดขายน้ำมันด้วย
  • Core Retail Sales (ยอดขายปลีกพื้นฐาน): ตัวนี้คือยอดขายค้าปลีกทั้งหมดเช่นกัน แต่มีข้อแม้คือ ไม่รวมยอดขายรถยนต์ และบางข้อมูลอาจไม่รวมยอดขายน้ำมัน วัสดุก่อสร้าง หรืออาหารจากร้านอาหารด้วย การตัดสินค้าบางประเภทออกไปมีเหตุผลของมันครับ

ลองนึกถึงการซื้อรถยนต์สิครับ ปกติแล้วคนเราไม่ได้ซื้อรถทุกเดือน การซื้อรถหนึ่งคันมีมูลค่าสูงและเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทำให้ยอดขายรถยนต์มีความผันผวนสูงมากในแต่ละเดือน การรวมยอดขายรถยนต์เข้าไปใน Retail Sales อาจทำให้ภาพรวมการใช้จ่ายของผู้บริโภคดูผันผวนตามไปด้วย ทั้งที่การใช้จ่ายในหมวดหมู่อื่นๆ อาจจะคงที่หรือมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางอื่น

ประเภทยอดขาย รวมยอดขายรถยนต์ Core Retail Sales
Retail Sales รวม ไม่รวม
ข้อมูลที่ประกอบ รถยนต์, น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง, อาหาร

ทำไม Core Retail Sales ถึงสำคัญกว่าในบางบริบท?

ด้วยเหตุผลเรื่องความผันผวนของยอดขายรถยนต์นี่แหละครับ ทำให้หลายครั้งนักวิเคราะห์และนักลงทุนให้ความสนใจกับ Core Retail Sales มากกว่า Retail Sales เพราะมันให้ภาพที่ชัดเจนและสะท้อนแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคในชีวิตประจำวันได้ดีกว่า เหมือนกับการกรองเอา “สัญญาณรบกวน” ออกไป เพื่อให้เห็น “สัญญาณหลัก” ของพฤติกรรมการใช้จ่ายที่แท้จริง

การใช้จ่ายของผู้บริโภคถือเป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เลยทีเดียวครับ ดังนั้น การที่ยอดขายปลีกพื้นฐานมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ย่อมส่งสัญญาณที่สำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ

Core Retail Sales สะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้อย่างไร?

เมื่อตัวเลข Core Retail Sales ออกมาสูง แสดงว่าคนอเมริกันมีการใช้จ่ายที่แข็งแกร่ง มีกำลังซื้อที่ดี และมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในทางกลับกัน หากตัวเลขออกมาต่ำ นั่นอาจบ่งชี้ว่าผู้บริโภคเริ่มชะลอการใช้จ่าย อาจกังวลเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต หรือรู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ซึ่งเป็นสัญญาณลบและอาจนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจได้

ตัวชี้วัดนี้จึงเป็นเหมือน “เทอร์โมมิเตอร์” ที่ใช้วัดไข้เศรษฐกิจได้ดีตัวหนึ่ง หากอุณหภูมิสูง (ยอดขายดี) แสดงว่าเศรษฐกิจกำลังร้อนแรง แต่ถ้าอุณหภูมิต่ำ (ยอดขายไม่ดี) ก็อาจต้องเฝ้าระวังภาวะป่วยไข้ทางเศรษฐกิจครับ

ภาพแสดงการวิเคราะห์ข้อมูล Core Retail Sales

ตัวเลข Core Retail Sales มีผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไร?

ในโลกของการเงิน ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจสำคัญๆ ของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกามักส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อค่าเงินของประเทศนั้นๆ และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เช่นกัน

  • เมื่อ Core Retail Sales ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์: แสดงว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ทำให้ผู้คนเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้น นำไปสู่การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจมีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หรือคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไป อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้ความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สูงขึ้น และส่งผลให้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น
  • เมื่อ Core Retail Sales ออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์: แสดงว่าเศรษฐกิจอ่อนแอ ทำให้เกิดความกังวล อาจนำไปสู่การคาดการณ์ว่า Fed อาจจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ น่าสนใจน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทน ส่งผลให้ความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง และ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง

ดังนั้น คุณจะเห็นได้ว่าตัวเลขเพียงหนึ่งตัว สามารถส่งคลื่นกระแทกไปถึงตลาดเงินและส่งผลต่อทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้โดยตรง

ภาพแสดงผลกระทบของ Core Retail Sales ต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

แล้วทองคำล่ะ? Core Retail Sales เกี่ยวข้องกับราคาทองคำอย่างไร?

ทองคำมักถูกมองว่าเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) ซึ่งมีความต้องการสูงในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนหรือมีความเสี่ยงสูง ในขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็มีบทบาทเป็นสกุลเงินหลักของโลก แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง Core Retail Sales กับราคาทองคำมักจะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม (Inverse Relationship)

  • เมื่อ Core Retail Sales ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ (เศรษฐกิจแข็งแกร่ง): ความกังวลในตลาดลดลง นักลงทุนมีความกล้าที่จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำจึงลดลง นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นยังทำให้ทองคำซึ่งซื้อขายในรูปเงินดอลลาร์มีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ที่ถือสกุลเงินอื่น ยิ่งกดดันให้ความต้องการลดลง ผลลัพธ์คือ ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
  • เมื่อ Core Retail Sales ออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ (เศรษฐกิจอ่อนแอ): ความกังวลในตลาดเพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนจะหันไปหาที่พักพิงที่ปลอดภัย ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำจึงเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงยังทำให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อต่างชาติ ยิ่งหนุนให้ความต้องการเพิ่มขึ้น ผลลัพธ์คือ ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

นี่คือเหตุผลว่าทำไมข่าว Core Retail Sales จึงถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากทั้งเทรดเดอร์ค่าเงินและเทรดเดอร์ทองคำครับ

การนำข้อมูล Core Retail Sales ไปใช้ในการเทรด

ในฐานะนักลงทุน โดยเฉพาะคนที่สนใจการเทรด Forex หรือ สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ การทำความเข้าใจและติดตามการประกาศตัวเลข Core Retail Sales m/m เป็นสิ่งสำคัญมาก คุณควรทราบว่าตัวเลขนี้จะประกาศเมื่อใด (ปกติคือประมาณกลางเดือน หลังจากเดือนที่รายงานสิ้นสุดลง) และควรเปรียบเทียบตัวเลขที่ประกาศจริงกับตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ (Forecast)

การเคลื่อนไหวของตลาดมักจะรุนแรงและรวดเร็วทันทีที่มีการประกาศตัวเลขออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเลขจริงแตกต่างจากที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ:

  • ตัวเลขจริง > คาดการณ์: เป็นบวกต่อ USD เป็นลบต่อทองคำ อาจพิจารณา Sell คู่สกุลเงินที่มี USD อยู่ข้างหน้า (เช่น EUR/USD) หรือ Buy คู่สกุลเงินที่มี USD อยู่ข้างหลัง (เช่น USD/JPY) หรือ Sell ทองคำ (XAU/USD)
  • ตัวเลขจริง < คาดการณ์: เป็นลบต่อ USD เป็นบวกต่อทองคำ อาจพิจารณา Buy คู่สกุลเงินที่มี USD อยู่ข้างหน้า (เช่น EUR/USD) หรือ Sell คู่สกุลเงินที่มี USD อยู่ข้างหลัง (เช่น USD/JPY) หรือ Buy ทองคำ (XAU/USD)

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการตีความเบื้องต้น คุณต้องไม่ลืมว่าการเทรดต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วยเสมอ เช่น บริบททางเศรษฐกิจโดยรวม ตัวชี้วัดอื่นๆ และการวิเคราะห์ทางเทคนิค

ถ้าคุณกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่สามารถนำความรู้เหล่านี้ไปทดสอบและใช้ในการเทรดจริง ไม่ว่าจะเป็นคู่สกุลเงินหลักๆ หรือทองคำ คุณต้องเลือกแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้และมีเครื่องมือที่จำเป็น

หากคุณกำลังพิจารณาเริ่มต้นการเทรด Forex หรือสำรวจสินค้าประเภท CFDs ที่หลากหลาย แพลตฟอร์ม Moneta Markets เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณควรศึกษา แพลตฟอร์มนี้มีสินค้าให้เลือกเทรดกว่า 1000 รายการ รองรับทั้งมือใหม่และเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์

ข้อควรระวังในการใช้ตัวชี้วัด Core Retail Sales

แม้ Core Retail Sales จะเป็นตัวชี้วัดที่ทรงพลัง แต่ก็มีข้อควรระวัง:

  • ไม่ใช่ปัจจัยเดียว: การตัดสินใจเทรดไม่ควรอิงจากตัวชี้วัดนี้เพียงตัวเดียว ควรพิจารณาประกอบกับข่าวสารเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ การจ้างงาน นโยบายการเงินของ Fed
  • การแก้ไขตัวเลขย้อนหลัง (Revision): บางครั้งตัวเลขที่ประกาศครั้งแรกอาจมีการแก้ไขในภายหลัง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดได้เช่นกัน
  • การคาดการณ์ของตลาด: สิ่งที่สำคัญคือการเปรียบเทียบตัวเลขจริงกับ “การคาดการณ์ของตลาด” (Market Consensus) ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่ประกาศออกมา ตัวเลขที่เท่ากับหรือใกล้เคียงการคาดการณ์อาจไม่ทำให้ตลาดเคลื่อนไหวรุนแรงเท่าตัวเลขที่ผิดคาดไปมาก

การเรียนรู้ที่จะวิเคราะห์และตีความข่าวเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน จะช่วยให้คุณมีความได้เปรียบในการเทรด และสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป: ทำไมต้องจับตา Core Retail Sales m/m?

โดยสรุปแล้ว Core Retail Sales m/m คือกระจกสะท้อนกำลังซื้อและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตัวเลขนี้ไม่เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาทองคำ การทำความเข้าใจความหมาย ความแตกต่างจาก Retail Sales และผลกระทบต่อตลาด จะช่วยให้คุณในฐานะนักลงทุน สามารถวางแผนการเทรดและปรับกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสมเมื่อมีข่าวนี้ประกาศออกมา

ขอให้คุณใช้ความรู้นี้เป็นเข็มทิศนำทางในการเดินทางบนเส้นทางการลงทุน และขอให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรดครับ

ในการเลือกแพลตฟอร์มเพื่อเริ่มต้นหรือพัฒนาการเทรดของคุณ ปัจจัยเรื่องความปลอดภัย เครื่องมือที่ใช้ และความหลากหลายของสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ Moneta Markets เป็นโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตกำกับดูแลจากหลายหน่วยงานทั่วโลก เช่น FSCA, ASIC, FSA และมีระบบรักษาความปลอดภัยของเงินทุนที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนควรพิจารณาอย่างยิ่ง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับcore retail sales m/m คือ

Q:Core Retail Sales m/m คืออะไร?

A:Core Retail Sales m/m คือการวัดการเปลี่ยนแปลงของยอดขายค้าปลีกพื้นฐานในสหรัฐอเมริกาเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า

Q:ทำไมข้อมูล Core Retail Sales ถึงสำคัญ?

A:Core Retail Sales สำคัญเพราะมันช่วยสะท้อนแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคและสุขภาพเศรษฐกิจได้ดี

Q:ยอดขายปลีกพื้นฐานต่างจากยอดขายปลีกทั่วไปอย่างไร?

A:ยอดขายปลีกพื้นฐานไม่รวมยอดขายรถยนต์และบางหมวดหมู่สินค้าที่มีความผันผวนสูง เพื่อให้เห็นภาพการใช้จ่ายที่แท้จริงมากขึ้น

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *